วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย

สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาของชีวิต ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการให้คำแนะนำดังต่อไปนี้ อาหารที่ท่านรับประทานมีแร่ธาตุ และวิตามินเหล่านี้หรือไม่
วิตามินดี มีการวิจัยว่าการขาดวิตามินดีเป็นสาเหตุสำคัญของโรคกระดูกเปราะ ซึ่งจะทำให้หลังค่อมในผู้สูงอายุ กระดูกแตก เปราะ ดังนั้น นมเป็นแหล่งวิตามินดีที่ดีที่สุด
ธาตุเหล็ก ผู้หญิงมีความต้องการธาตุเหล็กมากกว่าผู้ชาย เพราะผู้หญิงมีการเสียเลือดทุกเดือน จากการมีรอบเดือน ซึ่งจะทำให้ร่างกายขาดธาตุเหล็ก และหากได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอ ท่านจะมีอาการเหนื่อยง่าย หงุดหงิด ไม่มีสมาธิ อาจทำให้เป็นโรคโลหิตจาง อาหารที่มีธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบ ได้แก่ อาหารจำพวกเนื้อแดง ปลา ธัญพืช ผักขม พืชกระกูลถั่ว และผักต่าง ๆ แต่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมธาตุเหล็กจากพืชที่มีวิตามินซีสูง เช่น พริกไทย มะเขือเทศ พืชจำพวกมะนาว กะหล่ำปลี และมันฝรั่ง
แคลเซียม เป็นแร่ธาตุสำคัญที่ทำให้กระดูกแข็งแรง ผู้หญิงที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปจะสูญเสียมวลกระดูก 1% ทุกปี ซึ่งนำไปสูงสาเหตุของการเป็นโรคกระดูกเปราะ แต่หากท่านรับประทานแคลเซียมอย่างน้อย 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ก่อนถึงวัยหมดประจำเดือน และ 1,500 มิลลิกรัมหลังวัยหมดประจำเดือน ก็จะช่วยทดแทนมวลกระดูกที่เสียไปได้

นม เป็นแหล่งแคลเซียมที่ดีที่สุด นมพร่องมันเนย 1 แก้ว ให้แคลเซียม 300 มิลลิกรัม นมเปรี้ยวพร่องมันเนย ปลาซาดีน ปลาแซลมอนติดกระดูกอ่อนก็เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม

ผัก ผลไม้ และธัญพืช อาหารเพื่อสุขภาพกลุ่มนี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ทั้งเพื่อป้องกัน และต่อสู้โรคร้าย ทุกวันนี้หลายท่านมีมุมมองในการรับประทานผักโดยคำนึงถึงสุขภาพเป็นหลัก ผักมีหลายชนิด ทั้งชนิดที่รับประทานกันแพร่หลาย ผักพื้นบ้านที่เราไม่คุ้นเคย ขอแนะนำผักพื้นบ้านที่หารับประทานได้ไม่ยาก อีกทั้งยังมีประโยชน์ในการป้องกัน และรักษาโรค
- กระชาย มีสรรพคุณช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่น และแก้อาการปวดมวนในท้อง เช่นเดียวกับโหระพา สารอาหารที่พบมากในราก และเหง้าของกระชาย คือ แคลเซียม และวิตามินเอ อาจใช้ราก และเหง้ากระชายมาต้มกับน้ำ ดื่มเพื่อขับลมได้โดยใช้ประมาณครึ่งกำมือ (น้ำหนักสด 5-10 กรัม, น้ำหนักแห้ง 3-5 กรัม)
- กระเทียม มีสรรพคุณช่วยลดระดับไขมันในเลือด การรักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และหลอดเลือดในใบกระเทียมจะมีสารอาหารจำพวกวิตามิน และเกลือแร่ต่าง ๆ เช่น วิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเบต้า-แคโรทีน
- ขมิ้น มีสรรพคุณช่วยรักษาอาการนิ่วในถุงน้ำดี รวมทั้งโรคกระเพาะอาหารได้ หากนำแง่งขมิ้นมาต้มกับน้ำ หรือคั้นน้ำผสมลงในอาหาร
- ขิง น้ำขิงมีประโยชน์ช่วยรักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียด เพราะขิงจะช่วยกระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหาร และลำไส้ ช่วยขับลม เช่นเดียวกับตะไคร้ ส่วนคนที่มีอาการไอ หรือมีเสมหะมาก นำขิงมาฝนกับน้ำมะนาวผสมเกลือนิดหน่อย ใช้กวาดคอ จะช่วยบรรเทาอาการได้
- ขี้เหล็ก เต็มไปด้วยแร่ธาติต่าง ๆ แกงขี้เหล็กใส่กะทิ มีสารเบต้า-แคโรทีน ซึ่งร่างกายจะนำไปสร้างเป็นวิตามินเอช่วยบำรุงสายตา เบต้า-แคโรทีนจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด ซึ่งเบต้า-แคโรทีนจะมีประสิทธิภาพ เมื่อกินร่วมกับไขมัน ซึ่งมีมากในกะทินั่นเอง ใบขี้เหล็กช่วยให้เจริญอาหาร และเป็นยาระบายอ่อน ๆ รักษาอาการท้องผูก ป้องกันการเกิดนิ่ว ลดอาการปวดประจำเดือนได้อีกด้วย
- ชะอม เส้นใยในยอดชะอมช่วยป้องกันมะเร็ง ชะอม 1 ขีดให้ใยอาหาร 3.9 กรัม เมื่อรวมกับใยอาหารจากผักอื่นที่เรารับประทาน ใยเหล่านี้ช่วยให้ร่างกายปลอดภัยจากสารก่อมะเร็งต่าง ๆ เช่นเดียวกับบาต้า-แคโรทีน ยอดผักเขียวเข้มของชะอมช่วยป้องกันโรคหัวใจขาดเลือดเช่นเดียวกับตำลึง และสะเดา
ใบแมงลัก ใบและลำต้น เมื่อกินสด ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ขับลม ขับเหงื่อ น้ำที่คั้นจากใบสดใช้กินแก้หวัด และหลอดลมอักเสบได้ ส่วนเมล็ด หากทานแบบไม่แช่น้ำประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ จะช่วยดูดซึมแก้โรคเบาหวานได้
- มะเขือยาว รากและลำต้นใช้เป็นยาแก้บิดเรื้อรัง ถ่ายเป็นเลือด เท้าเปื่อยบวมอักเสบ ปวดฟัน และแผลถูกความเย็นจัด ส่วนใบแก้ปัสสาวะขัด หนองใน ถ่ายเป็นเลือด ตกเลือดในลำไส้ แผลบวมอักเสบมีหนอง ส่วนดอกใช้แก้แผลมีหนอง และปวดฟัน ขั้นผลใช้เป็นยารักษาฝี แผลอักเสบ และแก้ปวดฟัน
- พริกไทยอ่อน ให้พลังงาน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และมีเบต้า-แคโรทีน ช่วยย่อยอาหาร แก้ปวดหัวปวดตามข้อ และแก้ท้องเสียได้
- มันเทศ เป็นแหล่งแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูก และฟัน ลดปัญหากระดูกพรุน ซึ่งมักเกิดขึ้นในหญิงวัยหมดประจำเดือน ซึ่งเป็นภาวะที่ต้องการแคลเซียมมากกว่าปกติ นอกจากนี้ยังมีสารเบต้า-แคโรทีน และวิตามินเอช่วยบำรุงสายตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- ฟักทอง อุดมไปด้วยสารเบต้า-แคโรทีน ซึ่งป้องกันมะเร็ง เนื้อฟักทองช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคเบาหวาน ความดันโลหิต บำรุงตับ ไต นัยน์ตา ช่วยสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่ตายไปให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- บัวบก ใบบัวบกใช้สมานแผลภายนอก สารสกัดจากผลแห้งใช้รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ทำให้แผลหาย ช่วยทำให้ร่างกายผ่อนคลาย เสริมสร้างความจำ และสมองทำงานได้ดี นอกจากนี้ยังบำรุงหัวใจ ลดอาการแพ้ ลดความดันเลือด
- สะระแหน่ มีสารเบต้า-แคโรทีน และวิตามินซี ช่วยรักษาอาการหวัด

วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

10 อันดับสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยที่สุดในประเทศไทย


1.หาดป่าตองอยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ15 กิโลเมตร นับว่าเป็นหาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของภูเก็ต เป็นชายหาดที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ร้านดำน้ำ ร้านขายอุปกรณ์กีฬาทางน้ำ และอื่น ๆ อีกมากมาย ไว้คอยบริการแก่นักท่องเที่ยว ด้วยชายหาดที่มีความยาวกว่า4 กิโลเมตร และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ป่าตองจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยที่มีผู้นิยมมาเยือนมากที่สุด หาดป่าตองถูกถล่มโดยคลื่นสึนามิในเหตุการณ์แผ่นดินไหวในมหาสมุทรอินเดีย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2547 ปัจจุบันหาดป่าตองเป็นหนึ่งในชายหาดสำคัญที่ได้รับการติดตั้งระบบเตือนภัยสึนามิ มีการซักซ้อมการอพยพและการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอยู่อย่างสม่ำเสมอเป็นระยะ ๆ

2.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันได้รับการยกย่องว่าเป็นหมู่เกาะที่มีความสวยงามทั้งบนบกและใต้น้ำ มีปะการังที่สวยงามหลายชนิด สามารถดำน้ำได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก สามารถพบปลาที่หายาก เช่น วาฬ โลมา ปลาไหลมอเร่ (moray) ช่วงเดือนที่น่าเที่ยวมากที่สุด คือช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนเมษายน นอกจากนั้นจะประกาศปิดเกาะ

3.อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ใน ทะเลอันดามันด้านทิศตะวันตกของภาคใต้ เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่มีลักษณะสวยงามตามธรรมชาติ รอบ ๆ เกาะมีปะการัง กัลปังหา ทิวทัศน์ใต้ทะเลที่งดงาม และเอกลักษณ์ทางธรรมชาติคือ ภูเขาหินปูนที่มีหน้าผาเป็นชั้น ๆ ถ้ำที่สวยงาม ตลอดจนชายหาดยาวสะอาด สุสานหอย40 ล้านปี ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ389.96 ตารางกิโลเมตร หรือ 243,725 ไร่

4.เดิมเกาะสมุยมีชื่อเสียงในฐานะเป็นแหล่งปลูกมะพร้าว ปัจจุบันเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศที่ชาวต่างประเทศนิยมเดินทางมาท่องเที่ยว มีร้านค้า โรงแรม และสถานบันเทิงต่าง ๆ มากมาย หาดที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาของคนเกาะสมุย คือ หาดเฉวง บริเวณชายหาดยาวประมาณ7 กิโลเมตร ถ้าได้ลงมือเดินตั้งแต่ต้นหาด จนกระทั่งถึงปลายหาดจะใช้เวลาประมาณถึง2 ชั่วโมง เพราะการเดินบนผืนทรายไม่เหมือนการเดินบนพื้นดินปรกติ หาดที่มีความสวยงามเป็นอันดับรองลงมา คือ หาดละไม หาดเชิงมนต์ แหลมโจรคร่ำ หาดท้องยาง หาดหน้าทอน หาดพังกา และหาดตลิ่งงาม นอกจากธรรมชาติที่สวยงามของอำเภอเกาะสมุยแล้ว ยังมีกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก คือ "สปา" หรือการดูแลรักษาสุขภาพโดยการใช้น้ำบำบัด เช่น การอาบ-การแช่น้ำแร่หรือน้ำร้อน

5.เกาะช้างเป็นเกาะที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ2 ของประเทศไทยรองจากเกาะภูเก็ต เกาะช้างมีโรงแรมและรีสอร์ตมากมาย ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำ และด้วยภูมิประเทศที่มีป่าเขาอยู่กลางเกาะ นักท่องเที่ยวจึงสามารถท่องเที่ยวแบบเดินป่า ขี่ช้างก็ได้เช่นกัน

6.พัทยา หรือ เมืองพัทยา เป็นเขตปกครองพิเศษเขตหนึ่งที่ตั้งตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ เมืองพัทยา ฉบับ วันที่29 พฤจิกายน พ.ศ.2521 (เทียบเท่าเทศบาลนคร) ในเขตจังหวัดชลบุรี จัดเป็นเมืองท่องเที่ยวนานาชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลกโดยเฉพาะหาดทรายที่ทอดยาวไปตามแนวชายฝั่งทะเล จัดได้ว่ามีความสวยงามอีกแห่งของประเทศไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ140 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนฝั่งทะเลทางทิศตะวันออกของอ่าวไทย ซึ่งพัทยาแบ่งเป็น4 ส่วนได้แก่ พัทยาเหนือ พัทยากลาง พัทยาใต้ และหาดจอมเทียน

7.หัวหินเป็นอำเภอที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เดิมมีชื่อว่า "บ้านสมอเรียง" หรือ "บ้านแหลมหิน" ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่7) ได้ทรงสร้างวังไกลกังวลเพื่อประทับพักผ่อนในฤดูร้อน และปัจจุบันวังไกลกังวลนั้นเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน

8.อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอดอยหล่อ อำเภอจอมทองและอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย ในวันที13 เดือนมิถุนายน พุทธศักราช2521 คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ได้ประกาศให้ดอยอินทนนท์เป็นอุทยานแห่งชาติ

9.เกาะเต่า มีพื้นที่อยู่ในฝั่งของทะเลอ่าวไทย และอยู่ในเขตการปกครองของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลักษณะของสถานที่ท่องเที่ยวในเกาะเต่า จะมีลักษณะที่โค้งเว้าเหมือนกับเมล็ดถั่ว ซึ่งเกาะเต่าจะตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะพงัน จ.สุราษฏร์ธานี ระยะทางจากเกาะพงันถึงเกาะเต่า ประมาณ45 กิโลเมตร นอกจากนี้ สถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียงกับเกาะเต่ายังมีเกาะนางยวนซึ่ง เป็นเกาะเล็กๆ ด้านตะวันตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะเต่า มีสันทรายเชื่อมต่อกับเกาะเต่าใน ลักษณะเหมือนทะเลแหวก เป็นแหล่งดำน้ำชมปะการังอีกแห่งหนึ่ง

10. เกาะตะปูตั้งอยู่ในบริเวณทะเลด้านนอก ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา คิดเป็นระยะทางประมาณ15 กิโลเมตร จากที่ทำการอุทยานฯ ตามลำคลองเกาะปันหยีจังหวัดพังงา อยู่ทางด้านเหนือในเวิ้งอ่าวของเกาะเขาพิงกัน เกาะตะปูมีลักษณะเป็นเกาะเดี่ยว รูปร่างคล้ายตะปู มีศัพท์เฉพาะทางธรณีวิทยาว่า เกาะหินโด่ง (Stack) การชมเกาะตะปูต้องชมในระยะไกลจากเรือ หรือจากสันดอนของเกาะเขาพิงกัน ไม่สามารถขึ้นไปบนเกาะได้

10 อันดับรถที่แพงที่สุด

1 2
3


4

5


6


7


8
9

10


วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

น้ำผึ้งแท้ ดูอย่างไร


คุณค่าที่เราได้รับจากน้ำผึ้งนั้นมีอยู่มากมาย ทั้งนี้เพราะว่าน้ำผึ้งก็จัดได้ว่าเป็นสมุนไพรไทยที่มีคุณค่าทางยารักษาโรค และอุดมไปด้วคุณค่าทางอาหาร
สำหรับในเมืองไทยน้ำผึ้งที่ดีต้องเป็นน้ำผึ้งเดือนห้า (เดือนมีนาคม - เมษายน) เพราะเป็นเดือนที่มีดอกไม้บานเป็นจำนวนมาก และจะไม่มีน้ำฝนปนในน้ำผึ้งเนื่องจากเป็นหน้าแล้งอย่างเพลงที่ร้องว่า "เปรียบเธอเพชรงามน้ำหนึ่ง หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า" นั่นแหล่ะ เนื่องจากน้ำผึ้งแท้เป็นของหายาก จึงมีคนทำน้ำผึ้งปลอมมาหลอกขายกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เช่น วิธีการนำน้ำมาใส่ในปี๊บกับน้ำตาลและใส่แบะแซทำขนม ต้มเคี่ยวไฟอ่อนๆ ก็จะได้สีน้ำผึ้ง ถ้าอยากได้นำผึ้งสีดำก็ใช้ไฟแก่เคี่ยว จากนั้นอาจใช้ผลมะตูมอ่อนฝานลงไป มะตูมจะมีกลิ่นออกคล้ายน้ำผึ้ง ถ้าจะให้เหมือนจริงก็นำน้ำผึ้งแท้มาทาปากขวดแล้วนำแม่ผึ้งไปเกาะ เท่านี้ก็หลอกเงินในกระเป๋าผู้ที่พิสมัยรสชาติของน้ำผึ้งได้โดยไม่ยาก
ดังนั้น ผู้บริโภคควรสังเกตให้ดีก่อนซื้อ สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับการรับประทานน้ำผึ้งสามารถพิสูจน์ได้ง่ายๆ จากการดูลักษณะ และการชิม แต่สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยก็มีวิธีดูค่ะว่าน้ำผึ้งแท้ไม่แท้อย่างไร
น้ำผึ้งแท้ๆ ดูอย่างไร
- เมื่อใช้ไม้จิ้มน้ำผึ้งขึ้นมาจะหยดไหลเป็นสายบางๆ ไม่ขาดสายและจะพบกองเป็นชั้นๆ ก่อนที่จะรวมเป็นเนื้อเดียวกัน
- หยดน้ำผึ้งลงบนกระดาษซับจะกองเป็นหยดอยู่ระยะหนึ่ง ไม่ซึมหายไปเช่นน้ำเชื่อม
- หยดน้ำผึ้งลงในน้ำ จะกองเป็นก้อนก่อนแล้วจึงค่อยๆ ละลาย
- โปร่งแสง
- มดไม่ขึ้น
- ถ้าอุณหภูมิต่ำน้ำผึ้งจะมีผลึกน้ำตาลกลูโคสตกเป็นเกล็ดเล็กๆ
- ถ้าหยดน้ำผึ้งลงบนสไลด์แล้วดูด้วยกล้องจุลทัศน์ จะพบละอองเกสรดอกไม้หลายๆ ชนิดเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะมีรูปร่าง ขนาด สีที่แตกต่างออกไป (พบในน้ำผึ้งธรรมชาติที่ไม่ใช่ผึ้งเลี้ยง)
วิธีทดสอบน้ำผึ้งแท้แบบโบราณ
- หยดน้ำผึ้งลงบนกระดาษมวนยาสูบ ถ้าเป็นน้ำผึ้งจริงจะจับกันเป็นก้อนไม่ดูดซับ ถ้าเป็นน้ำผึ้งเทียมจะดูดซึมน้ำหมดทำให้จุดไฟไม่ติด
- หยดลงในน้ำ ถ้าน้ำผึ้งแท้จะรวมกันอยู่ใต้แก้ว แต่ถ้าน้ำผึ้งเทียมน้ำจะละลายกระจายไม่รวมตัวกัน
จำไว้ง่ายๆ ว่า น้ำผึ้งที่ดีดูได้จากความใสบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งสกปรกหรือผึ้งปนอยู่ สี กลิ่น และรสจะมีลักษณะเฉพาะตามแบบของน้ำผึ้ง เช่น ข้น หนืด ไม่มีฟอง ก๊าซ หรือเกิดการแยกชั้นตกผลึก และไม่มีรสเปรี้ยวเลย ใครที่จะซื้อน้ำผึ้งก็นำเคล็ดไม่ลับนี้ไปประกอบการซื้อได้ค่ะ

กินผักอย่างไรให้ปลอดภัย

ผักกินแล้วดี มีประโยชน์ แต่รู้ไหมคะ ผักบางชนิดก็มีสารที่อาจเกิดผลเสียกับร่างกายได้เหมือนกัน การทำความรู้จักกับสารเหล่านี้จึงไม่ควรมองข้ามเพื่อที่คุณจะได้กินผักอย่างปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างแท้จริง
อย่ากินดิบ
- ถั่วฝักยาว ทำให้ท้องอืด ท้องขึ้น และผายลมมีกลิ่นแรง(มาก) เนื่องจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ จากการย่อยเมล็ดและเปลือกของถั่วฝักยาวโดยแบคทีเรียในสำไส้ใหญ่
- หน่อไม้ มันสำปะหลัง มีสารไซยาไนด์ในรูป "ไกลโคไซด์" ทำให้คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย มึนงง หมดสติ และอาจรุนแรงถึงขั้นหัวใจหยุดทำงาน
- กะหล่ำปลี บรอกโคลี มีสารกอยโทรเจน (goitrogen) ขัดขวางการทำงานของต่อไทรอยด์ ทำให้ร่างกายนำไอโอดีนในเลือดไปใช้ได้น้อยและเกิดโรคคอพอกได้ในระยะยาว แต่ผลระยะสั้น การกินกะหล่ำปลีดิบบ่อยๆ อาจทำให้ท้องอืดเพราะอาหารไม่ย่อย
กินให้ถูกวิธี
- กระเทียม มีสารอัลลีซีน (allicin) หากกินตอนท้องว่าง อาจจะระคายเคืองกระเพาะอาหาร คลื่นไส้อาเจียน และปวดท้อง นอกจากนี้ยังอาจกระตุ้นไมเกรนอีกด้วย
- ผักกวางตุ้ง ผักกาด หากต้มนานเกินจะเกิดสารไทโอไซยาเนต (thiocyanate) ทำให้ท้องเสีย ความดันต่ำ กล้ามเนื้ออ่อนเพลียได้
- มันฝรั่ง มีสารโซลานิน (solanine) ส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้ปวดศีรษะ กระตุ้นไมเกรน ควรเลือกมันฝรั่งที่มีสีเหลืองปนน้ำตาลหากเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือเริ่มแตกหน่อไม่ควรนำมาบริโภคเพราะมีพิษสูง
กินแต่พอดี
- แครอท หากกินมากเกินไปร่างกายจะเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนเป็นวิตามินเอไม่ทัน จนสะสมตามชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวเป็นสีเหลือง เรียกว่า "โรคแคโรทีนีเมีย" ควรหยุดกินแครอทสักพัก สีผิวจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
- มะระ มีสารซาโปนิน (saponin) และอัลคาลอยด์ ชื่อโมโมดิซิน (momodicine) ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ คลื่นไส้อาเจียน ที่สำคัญหญิงตั้งครรภ์ไม่ควรดื่มน้ำมะระคั้นเพราะอาจแท้งได้
- พริกไทยดำ มีสารอัลคาลอยด์ ไพเพอริน เมื่อทำปฏิกิริยากับไนโตรเจนจะเกิดสารกลุ่มเอนไนโตรโซไพเพอริดีน (N nitroso piperidine) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง เมื่อกินติดต่อกันเป็นประจำจึงเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง แต่การกินนิดหน่อยเพื่อเป็นส่วนประกอบของอาหาร เครื่องชูรส โดยทั่วไปไม่มีอันตราย
คนป่วยห้ามกิน
- ผักโขม มีสารออกซาเลต (oxalate) ทำให้คนที่มีแนวโน้มจะเป็นโรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะเป็นโรคนี้ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังพบสารออกซาเลตในหน่อไม้ ใบชะพลู และผักพื้นบ้างบางชนิด
- มะเขือเทศสีเขียว มีสารโซลานิน (solanine) ทำให้คนแพ้ปวดหัวข้างเดียว มีแผลในปาก ผื่นคันที่ผิวหนังหลังกินมะเขือเทศ
- หน่อไม้ฝรั่ง มีสารพิวริน (purine) สูง ทำให้คนป่วยโรคเกาต์ปวดข้อเพราะสารพิวรินจะกระตุ้นให้เกลือของกรดยูริกในกระแสเลือดเข้าไปเกาะตามข้อมากขึ้น แม้ผักบางชนิดจะมีสารที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกาย แต่หมายความว่าต้องกินผักชนิดนั้นในปริมาณมาก วันละเป็นกิโลกรัมขึ้นไป และกินผักชนิดเดิมซ้ำๆ ทุกวัน การกินผักในปริมาณที่เหมาะสมและหลากหลายชนิดโดยทั่วไปจึงไม่เป็นอันตราย

10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี

ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก

1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง

2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี

3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว

4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ

6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล

7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%

8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย

9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด

10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้
ถ้าปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อตามคำแนะนำข้างต้นนี้จนเป็นนิสัย สุขภาพดีๆ จะไปไหนเสีย !!

5 เคล็ด(ไม่)ลับ เลือกอาหารเพื่อสุขภาพตามช่วงอายุ


อาหารช่วยให้สุขภาพดี ต้านอนุมูลอิสระ ห่างโรค
ปัจจุบันการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพในชีวิตประจำวัน เช่น บริโภคผักและผลไม้เป็นประจำทุกวัน โดยเลือกผักและผลไม้ที่มีสีต่างๆกัน ทำให้ร่างกายได้รับเส้นใยอาหารแลพไฟโตเคมิคัลที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านออกซิแดนท์ เช่น ไลโคฟีนในมะเขือเทศ แคโรทีนอยด์ในแครอท และคลอโรฟิลด์ในผักใบเขียว สารออกซิแดนท์เป็นสาเหตุของการแก่ก่อนวัยและการเกิดโรคภัยต่างๆ ความนิยมบริโภคถั่วเหลือง แหล่งโปรตีนจากพืชซึ่งปลอดภัยมากกว่าโปรตีนจากสัตว์ และการบริโภคน้ำมันพืชมีกรดไขมันจำเป็น พบมากในน้ำมันมะกอก รำข้าว ทานตะวัน และน้ำมันงา โดยเฉพาะการได้รับวิตามินอีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ปัจจุบันน้ำมันพืชเข้ามามีบทบาทต่อผู้รักสุขภาพอย่างขาดไม่ได้

เคล็ดไม่ลับ 5 วิธีการเลือกอาหารเพื่อสุขภาพตามช่วงอายุ

การรู้จักเลือกรับประทานอาหารไม่เพียงแต่ช่วยเรื่องสุขภาพเท่านั้น หากยังเอื้อต่อความสวยความงามอีกด้วย ความจริงการเลือกอาหารให้เหมาะสมตามช่วงวัยก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้สุขภาพดีได้ เพราะในแต่ละช่วงอายุมีความแตกต่างกันในด้านพัฒนาการของร่างกายและลักษณะการดำเนินชีวิต วันนี้จึงขอเสนอเรื่องราวของอาหารที่เกี่ยวข้องกับช่วงอายุทั้ง 4 ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใดที่คุณจะลองทำตาม

วัยที่ขึ้นต้นด้วยเลข 2 ช่วงอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปเป็นช่วงที่ร่างกายมีการพัฒนาและเติบโตเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การทำงาน และเป็นวัยที่ใช้ชีวิตอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ยิ่งมีการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันมากเท่าไร ร่างกายก็ยิ่งเผาผลาญและใช้พลังงานมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น ควรเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม โดยเลือกรับประทานจำพวกเนื้อสัตว์และถั่วต่างๆ รวมถึงข้าวและแป้งมากเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยผักผลไม้เป็นอันดับสอง ส่วนนมและอาหารทดแทนแคลเซียมต่างๆ เช่น เต้าหู้ ปลาเล็กปลาน้อย นมถั่วเหลืองเสริมแคลเซียม ตามมาเป็นอันดับสาม และให้ความสำคัญของไขมันเป็นอันดับสุดท้าย ปลาเป็นอาหารสมองที่ช่วยรักษาผนังเซลล์ประสาทในสมองให้แข็งแรง ไม่หลงลืมอะไรง่ายๆ ผักสีเขียวอย่างผักบุ้ง ผักกระเฉด ผักคะน้า ถั่วฝักยาว ช่วยบำรุงสายตา สร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ผักผลไม้สีเหลืองอย่างกล้วยหอมก็ถือเป็นผลไม้คลายเครียดชนิดหนึ่ง

วัยที่ขึ้นต้นด้วยเลข 3 อายุขึ้นเลข 3 หลายคนเริ่มตกใจกลัว แต่การรู้จักเลือกรับประทานจะทำให้ผู้อื่นไม่สามารถเดาอายุคุณจากรูปร่างหน้าตาได้เลย ในช่วงเริ่มวัยผู้ใหญ่ความต้องการพลังงานยังคงอยู่ เพราะเป็นช่วงชีวิตของการทำงาน แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังในเรื่องของไขมันและโคเลสเตอรอลที่จะส่งผลกระทบกับรูปร่างหน้าตาภายนอกที่เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายในอนาคตด้วย เพราะการรับประทานอาหารที่มีไขมันหรือโคเลสเตอรอลสูง เช่น หมูสามชั้น เนยแข็ง กะทิ เนยเทียม เป็นต้น จะสร้างปัญหาให้หลอดเลือดและหัวใจ แต่คุณสามารถเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยลดไขมันและโคเลสเตอรอล เช่น ปลาทะเล ช่วยลดความดันโลหิต พวกถั่วเมล็ดแห้งอย่างถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจ และมีโปรตีนสูงเพื่อให้พลังงานแทนสัตว์ใหญ่ได้อีก อาหารจำพวกข้าว ธัญพืชไม่ขัดสี อย่างข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท มีใยอาหารสูง ช่วยให้อิ่มท้องนานและส่งผลดีต่อระบบลำไส้

วัยที่ขึ้นต้นด้วยเลข 4 วัยทองถูกเรียกแทนวัย 40 ปีขึ้นไป เนื่องจากสภาพร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะผู้หญิง ส่วนผู้ชายวัยนี้ก็จะเริ่มมีโรคต่างๆที่ไม่เคยออกอาการ ซึ่งเรียกกันว่าเป็น “วิถีทางธรรมชาติ” แต่ทั้งนี้การชะลอวัยหรือป้องกันโรคต่างๆที่มากับวัยไม่ได้ยุ่งยากเกินกว่าที่เราจะทำได้ สำหรับช่วงวัยนี้ความต้องการพลังงานจะลดลง แต่ความต้องการแคลเซียมและวิตามินต่างๆเพิ่มขึ้น ซึ่งจะได้รับจากผักผลไม้ที่มีกากใยอาหารสูง แล้วยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซีจากอาหารที่หารับประทานได้ง่าย เช่น ส้ม ฝรั่ง มะเขือเทศ แคนตาลูป ส่วนอาหารที่มีวิตามินอี ได้แก่ น้ำมันพืช เนยถั่ว ถั่วลิสง อัลมอนด์ นอกจากนี้ควรรับประทานเต้าหู้ โปรตีนไขมันต่ำ ซึ่งให้แคลเซียมมากกว่าเนื้อสัตว์อย่างอื่น แต่ไม่ควรลืมหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นตัวเร่งความแก่ให้เร็วขึ้น เช่น อาหารไขมันสูงประเภททอดกรอบหรือผัดน้ำมันมากๆ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มกาเฟอีนทั้งหลาย

วัยที่ขึ้นต้นด้วยเลข 5 การก้าวเข้าสู่ช่วงวัย 50 เป็นต้นไปนั้นไม่ได้ส่งผลต่อร่างกายอย่างเดียว แต่ยังส่งผลต่อสภาพจิตใจด้วย เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับวัยนี้คุณควรเข้าใจการทำงานของร่างกายที่มีประสิทธิภาพลดลง โดยเฉพาะระบบการย่อยการดูดซึมอาหาร ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารบางอย่าง ช่วงนี้คุณอาจไม่รู้สึกกระหายน้ำเท่าไหร่ แต่ควรดื่มน้ำให้สม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 8-12 แก้ว เพื่อป้องกันการขาดน้ำโดยไม่รู้ตัว ควรรับประทานคาร์โบไฮเดรตให้น้อยลงและพยายามเลือกชนิดไม่ขัดสี เน้นอาหารจำพวกปลาเพื่อไม่ให้ขาดโปรตีน ที่สำคัญคือเป็นเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย

วัยนี้จะพบปัญหากระดูกเปราะ กระดูกพรุนอย่างชัดเจน ดังนั้น ควรได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ อาหารแคลเซียมสูงอยู่ในนม โยเกิร์ตชนิดครีม เนยแข็ง หรือแม้แต่ปลาตัวเล็กตัวน้อย พวกผักใบเขียวก็มี เช่น คะน้า กวางตุ้ง และบรอกโคลี จะช่วยลดปัญหาเรื่องกระดูกให้รุนแรงน้อยลง การแก้ไขภาวะขาดน้ำอาจให้ดื่มน้ำสมุนไพร เช่น กระเจี๊ยบ เก๊กฮวย น้ำใบเตย นอกเหนือจากน้ำเปล่า เพราะช่วยบรรเทาโรคบางอย่างและให้ประโยชน์กว่าการดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน

สิ่งสำคัญไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงวัยใดควรดูแลเรื่องการกินอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นโรคหรือไม่ก็ตาม เพราะคนส่วนใหญ่มักจะดูแลตัวเองเมื่อพบว่าตัวเองมีโรคหรือมีปัญหาสุขภาพแล้วเท่านั้น นอกจากนี้การเพิ่มกิจกรรมเคลื่อนไหวระหว่างวันให้มาก ทำบ่อยๆจนติดเป็นนิสัย จะช่วยให้สุขภาพดีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะประโยชน์ด้านระบบการไหลเวียนเลือด ควบคุมน้ำหนักตัว และลดความเครียดของร่างกายได้

วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เตือนแช่บ่อน้ำร้อนนานไป หัวใจอันตราย

แพทย์เตือนคนเป็นโรคหัวใจไม่ควรแช่น้ำอุ่นนาน หวั่นเป็นอันตราย แนะแช่ไม่ควรเกิน 10 นาที และไม่ควรให้น้ำร้อนเกินไป
หน้าหนาวอย่างนี้ หนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมของนักท่องเที่ยวก็คือ การไปแช่บ่อน้ำพุร้อนตามสถานที่ต่าง ๆ นั่นเอง ซึ่งหลายคนรู้กันดีว่า การแช่บ่อน้ำพุร้อนนอกจากจะทำให้ร่างกายอบอุ่นสบายตัวแล้ว แร่ธาตุต่าง ๆ ในบ่อน้ำพุร้อนยังช่วยรักษาสุขภาพได้อย่างดีอีกด้วย แต่ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่า หากแช่น้ำร้อนผิดวิธี ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน
โดยนายแพทย์ชำนาญ หาญสุทธิเวชกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า โดยปกติแล้วการแช่น้ำอุ่นไม่มีผลเสียอย่างไรต่อร่างกาย ยกเว้นผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ น้ำร้อนอาจทำให้เส้นเลือดขยายตัว ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
ทังนี้ นายแพทย์ชำนาญ จึงได้ให้คำแนะนำในการแช่น้ำอุ่นที่ถูกวิธี คือ ไม่ควรแช่น้ำเกิน 10 นาทีต่อครั้ง และไม่ควรให้น้ำมีอุณหภูมิร้อนจัดเกินไป นอกจากนี้ยังไม่ควรแช่น้ำหลังรับประทานอาหารมาอิ่ม ๆ ที่สำคัญคือหลังจากแช่น้ำแล้ว ควรทาครีมทาผิว เพื่อป้องกันผิวแห้งแตก และผิวหนังอักเสบด้วย

การสักทางการแพทย์

การสักทางการแพทย์ (สวยด้วยแพทย์)
การสักทางการแพทย์ (Therapeutic or Paramedical Tattoo) การที่การสักถูกประยุกต์ใช้เพื่อการรักษาคงทำให้หลาย ๆ ท่านมองการสักในแง่ที่ดีขึ้น ประโยชน์ของการสักเพื่อรักษามีทั้งเพื่อความสวยงาม เช่น สักคิ้วถาวร สักขอบตาถาวร สักขอบปากและริมฝีปากถาวร
นอกจากนั้นยังใช้เพื่อแก้ไขความผิดปกติบางอย่างของผิวหนัง ได้แก่ แผลเป็นจากอุบัติเหตุ ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก แผลเป็นจากการผ่าตัด โรคด่างขาว (Vitiligo) ผมร่วง ขนคิ้วหรือขนตาร่วง การสร้างหัวนมใหม่ภายหลังการผ่าตัดเต้านม สร้างขอบปากหลังผ่าตัดปากแหว่ง
การสักเพื่อรักษายังเหมาะกับบุคคลที่อาจมีความยากลำบากในการแต่งหน้า เช่น ผู้ป่วยเป็นโรคข้อ โรคที่ทำให้มือสั่น เคลื่อนไหวมือไม่สะดวก ผู้ที่แพ้เครื่องสำอาง เป็นโรคภูมิแพ้ (ทำให้มีน้ำตาไหลบ่อย ๆ) หรือผู้ที่มีปัญหาด้านสายตา เช่น สายตาสั้น ใส่คอนแทคเลนส์ เป็นต้น กระทั่งในรายที่ต้องการลบรอยสักเดิมซึ่งในบางตำแหน่งไม่สามารถลบออกได้ ก็สามารถจะใช้การสักสีทับลงไปเพื่อปกปิดได้ค่ะ
ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนการทำ แพทย์จะซักประวัติสุขภาพและตรวจร่างกายโดยเฉพาะตำแหน่งที่ต้องการรักษา จากนั้นแพทย์จะเลือกสีที่จะใช้สักที่เข้ากับสีผิวของคุณซึ่งสีที่ใช้นั้นเป็นสารที่ไม่ทำปฏิกิริยากับร่างกายและไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้แต่อย่างใด
ก่อนเริ่มสัก แพทย์จะใช้ทาเฉพาะที่เพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บจากนั้นจะสักสีเข้าไปในผิวหนังโดยใช้เครื่องสัก ซึ่งประกอบด้วยเข็มขนาดต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งเข็มที่ใช้จะเป็นเข็มชนิดที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งไม่นำกลับมาใช้ซ้ำและในระหว่างทำจะใช้เทคนิคปราศจากเชื้อ ส่วนเวลาที่ใช้ประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง หลังทำสามารถกลับบ้านได้เลยโดยไม่ต้องพักค้างคืนที่โรงพยาบาล
เมื่อผ่านขั้นตอนการสักแล้ว ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้ได้ผลตาที่มุ่งหวัง ดังนี้
- ห้ามใช้สบู่ ครีมทำความสะอาดผิว เครื่องสำอางใด ๆ ในบริเวณที่ทำการสัก
-หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดการอาบน้ำร้อนหรืออบเซาน่าอย่างน้อย 3 วันหลังการสัก
-ห้ามลงสระว่ายน้ำอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากคลอรีนในสระจะทำให้สีที่สักไว้จางลงได้
- พยายามรักษาความชุ่มชื้นบริเวณที่ทำโดยทายาตามแพทย์สั่ง ถ้าพบว่าบริเวณที่ทำมีสะเก็ดห้ามแกะหรือลอกออกเด็ดขาด ควรให้สะเก็ดลอกหลุดไปเอง
-คุณสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติส่วนการออกกำลังกายที่ต้องใช้กำลังมาก เช่น การเต้นแอโรบิค ยกน้ำหนัก ควรหลีกเลี่ยงอย่างน้อย 3 วัน

ห้องสมุดประชาชนจังหวัดนครปฐม

1.แผนที่ตั้งห้องสมุดประชาชน

2.เลขที่/สถานที่ติดต่อ
เลขที่ 3 ถนนหน้าพระ ต.พระปฐมเจดีย์อำเภอเมืองจังหวัดนครปฐม 73000โทรศัพท์ : 0-3424-2481โทรสาร : 0-3427-1266

3.เวลาทำการ
จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8.30 – 17.30 น. เสาร์-อาทิตย์ เวลา 9.00 – 17.00 น. ปิดวันหยุดนักขัตฤกษ์

4.สิ่งอำนวยความสะดวกที่จัดไว้ให้บริการ
- มุมฝากของ - มุมบริการคอมพิวเตอร์ - มุมอินเทอร์เน็ตและสื่ออิเล็กทรอนิกส์ - มุมหนังสือเด็กและเยาวชน -มุมอ่านวารสารและหนังสือพิมพ์ - มุมหนังสืออ้างอิง - มุมหนังสือบันเทิง - มุมกาแฟ - มุมสื่อการศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช - มุมแนะนำหนังสือใหม่

5.การบริการ อาทิ
- บริการยืม-คืน- บริการตอบคำถามช่วยการค้นคว้า- บริการข้อมูลท้องถิ่น- บริการแนะนำการใช้อินเทอร์เน็ต และคอมพิวเตอร์เบื้องต้น- บริการแนะนำการใช้ห้องสมุด การเขียนบรรณานุกรม- บริการแนะนำการใช้โปรแกรมบริการงานห้องสมุด (PLS)

6.บรรยายเกี่ยวกับห้องสมุดประชาชน
ห้องสมุดประชาชนจังหวัดนครปฐมก่อตั้งมาเป็นเวลา 23 ปี มีที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้กับองค์พระปฐมเจดีย์สามารถเดินทางมาห้องสมุดได้อย่างสะดวก ห้องสมุดมีการพัฒนาปรับปรุงมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันได้ดำเนินการในรูปแบบ “ห้องสมุดมีชีวิต” ด้วยการจัดตกแต่งบริเวณภายนอกให้ร่มรื่น และภายในให้มีสีสันสดใส มีหนังสือและสื่อต่างๆ ที่ทันสมัยไว้ให้บริการตามความต้องการของผู้ใช้บริการทุกเพศ ทุกวัย รวมทั้งมีกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน และกิจกรรมนันทนาการสำหรับประชาชนให้ศึกษาค้นคว้า และร่วมกิจกรรมได้ตามอัธยาศัย

7.ตัวอย่างกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน การแสวงหาความรู้ หรือการเรียนรู้
ห้องสมุดประชาชนจังหวัดนครปฐมได้จัดกิจกรรม “ตอบคำถามดีมีรางวัล” มาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือนยกเว้นช่วงที่โรงเรียนปิดเทอมรูปแบบการจัด : จัดทำใบคำถามส่งไปยังโรงเรียนใกล้เคียง และต้องส่งคำตอบเมื่อสิ้นเดือนรางวัล : คูปองของขวัญมูลค่า 200 บาท จำนวน 5 รางวัล ต่อเดือนผู้สนับสนุนรางวัล : คุณมิซูโอะ โยชิดะผู้ร่วมกิจกรรม : เด็กที่มีอายุไม่เกิน 13 ปี กิจกรรมตอบคำถาม มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไป ส่งเสริมให้นักเรียนมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และเพื่อสร้างความคุ้นเคยระหว่างห้องสมุดประชาชน ห้องสมุดโรงเรียน เพื่อเป็นเครือข่ายส่งเสริมสนับสนุนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านร่วมกัน

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เลขโรมัน

เลขโรมัน เป็นระบบตัวเลขที่ใช้ในโรมโบราณ เลขโรมันถือเป็น ระบบเลขไม่มีหลัก หมายความว่า ไม่ว่าจะเขียนตัวเลขแต่ละตัวไว้ ณ ตำแหน่งใดของค่าตัวเลขนั้นจะมีค่าคงที่เสมอ ระบบเลขโรมันมีสัญลักษณ์ที่ใช้กันดังนี้
I หรือ i มีค่าเท่ากับ 1
V หรือ v มีค่าเท่ากับ 5
X หรือ x มีค่าเท่ากับ 10
L หรือ l มีค่าเท่ากับ 50
C หรือ c มีค่าเท่ากับ 100
D หรือ d มีค่าเท่ากับ 500
M หรือ m มีค่าเท่ากับ 1,000

การเขียนเลขโรมัน สามารถเขียนแทนเฉพาะจำนวนเต็มบวกเท่านั้น เนื่องจากในสมัยก่อนโรมยังไม่มีสัญลักษณ์แทนเลขศูนย์หรือเลขทศนิยม โดยให้เขียนจากสัญลักษณ์ที่มีค่ามากแล้วลดหลั่นกันไปยังสัญลักษณ์ที่มีค่าน้อย เช่น
MCCCXXV มีค่าเท่ากับ 1,000 + 300 + 20 + 5 = 1,325
MMMDLXVII มีค่าเท่ากับ 3,000 + 500 + 60 + 7 = 3,567
ถ้าเขียนสัญลักษณ์ที่มีค่าน้อยกว่าไว้ด้านหน้าสัญลักษณ์ที่มีค่ามากกว่า ค่าของจำนวนที่ได้จะมีค่าเท่ากับจำนวนที่มีค่ามากลบด้วยจำนวนที่มีค่าน้อย และจะเขียนสัญลักษณ์เพียงคู่เดียวในแต่ละหลักเท่านั้น เช่น
IX มีค่าเท่ากับ 10 − 1 = 9
XL มีค่าเท่ากับ 50 − 10 = 40
MCMLXXVII มีค่าเท่ากับ 1,000 + (1,000 − 100) + 70 + 7 = 1,977
MMCDLXVIII มีค่าเท่ากับ 2,000 + (500 − 100) + 60 + 8 = 2,468
จำนวนที่มีค่าเกินกว่าที่กำหนดไว้ตามสัญลักษณ์ดังกล่าว จะเขียน บาร์ (ขีด) ไว้บนสัญลักษณ์เหล่านี้ ซึ่งหากบาร์ถูกกำหนดไว้บนสัญลักษณ์ใด สัญลักษณ์นั้นจะแทนจำนวนซึ่งมีค่าเท่ากับสัญลักษณ์นั้นคูณด้วย 1,000 เช่น
V มีค่าเท่ากับ 5 × 1,000 = 5,000
X มีค่าเท่ากับ 10 × 1,000 = 10,000
L มีค่าเท่ากับ 50 × 1,000 = 50,000
C มีค่าเท่ากับ 100 × 1,000 = 100,000
D มีค่าเท่ากับ 500 × 1,000 = 500,000
M มีค่าเท่ากับ 1,000 × 1,000 = 1,000,000
โดยปกติแล้ว การเขียนเลขโรมันจะไม่เขียนสัญลักษณ์เดียวกันอยู่ติดกันตั้งแต่ 4 ตัวขึ้นไป ยกเว้นบนหน้าปัดนาฬิกา ที่จะใช้ IIII แทนเวลา 4 นาฬิกาหรือ 16 นาฬิกา เพื่อป้องกันความสับสนในการอ่านเวลา

ตัวอย่างการเขียนเลขโรมัน
เลขโรมัน เลขอารบิก
I 1
II 2
III 3
IV 4
V 5
VI 6
VII 7
VIII 8
IX 9
X 10
XI 11
XII 12
XX 20
XXX 30
XL 40
L 50
LX 60
LXX 70
LXXX 80
XC 90
C 100
CC 200
CD 400
D 500
DC 600
DCC 700
DCCC 800
CM 900
M 1,000
MM 2,000
MMX 2,010
MMDLIII 2,553
MMMCMXCIX 3,999

วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วัยรุ่นกับยาเสพติด

ปัญหาวัยรุ่นกับยาเสพติดเป็นเรื่องใหญ่มากในขณะนี้ หลายท่านอาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมในปัจจุบันวัยรุ่น ถึงหันเข้าไปหายาเสพติดกันมากอย่างนี้ เท่าที่ได้มีการสำรวจมา สาเหตุใหญ่ของการเริ่มเข้าไปใช้ยาเสพติดของวัยรุ่นยังเป็นเรื่องของความ ”อยากลอง” ความเป็นวัยรุ่นของเขาทำให้เขาอยากลองในสิ่งแปลกใหม่ ร่วมกับอีกปัญหาหนึ่งคือการ “ตามเพื่อน” ความจริงแล้วเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่น ไม่ว่าจะในยุคใดสมัยใด ที่จะสนใจเพื่อน อยากจะลอง อยากจะเป็นอย่างคนนั้นคนนี้ หรืออยากจะทำอย่างที่เพื่อนทำ จนกระทั่งกลายมาเป็นแฟชั่น ปัจจุบันมีเด็กบางคนหันเข้าไปหายาเสพติด เพียงเพราะรู้สึกว่า ใครๆ เขาก็ทำกัน เป็นเรื่องธรรมดา ไม่เห็นจะแปลกอะไร ถ้าถามว่ารู้โทษของยาเสพติดไหม เด็กๆ ก็รู้ แต่เพียงเพราะอยากที่จะตามเพื่อนๆ ไป ทำให้ตัดสินใจผิดพลาด กลายไปเป็นเหยื่อของสารเสพติด นอกจากนี้สภาพแวดล้อม ก็มีส่วนเอื้อให้มีปัญหายาเสพติดขึ้น เดิมทียาเสพติดเป็นสิ่งที่จะมีในสถานที่หรือแหล่งที่มีลักษณะจำเพาะในการระบาดของยาเสพติดเท่านั้น แต่ปัจจุบันยาเสพติดได้แพร่ระบาดมาถึงในโรงเรียนแล้ว เด็กๆ สามารถหายาเสพติดได้ในโรงเรียน และแม้แต่รอบรั้วโรงเรียนเองก็กลายเป็นที่ไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กของเราไปเสียแล้ว
ปัญหาอีกประการหนึ่งที่ทำให้เด็กบางคนเข้าไปสู่การใช้ยาเสพติด ก็คือปัญหาเรื่องของการต่อต้านผู้ใหญ่ อันนี้เป็นเรื่องตามวัยของเขาด้วย ด้วยความที่เขาอยากเป็นตัวของเขาเองทำให้เด็กบางทีรู้สึกไม่อยากเชื่อฟังสิ่งที่ผู้ใหญ่พูด บางทีก็แสดงความก้าวร้าวออกมา ถ้าคุณพ่อคุณแม่หรือคุณครูไม่เข้าใจ ก็จะมีปฏิกิริยาโต้ตอบที่รุนแรงกับเด็ก หรือพยายามเข้าไปควบคุมหรือจัดการกับเขา เด็กก็จะยิ่งต่อต้านมากขึ้น อะไรที่เรารู้สึกว่าไม่ดี อะไรที่เราห้ามเขา อะไรที่เราบอกว่าอย่าทำ เด็กก็จะยิ่งอยากทำ เหมือนจะประชดผู้ใหญ่ไปทางหนึ่งด้วย แต่ด้วยประสบการณ์ที่ยังอ่อนอยู่ ทำให้ไม่ทราบว่าการประชดด้วยการใช้ยาเสพติดนั้นเป็นสิ่งที่มีอันตรายต่อตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ส่วนปัจจัยต่อไปที่จะทำให้เด็กบางคนที่เมื่อหันเข้าไปลองแล้ว เกิดการติดยาเสพติดค่อนข้างจริงจัง คือปัญหาในเรื่องของภาวะทางอารมณ์ เด็กๆ หลายคนไม่มีความสุข เขารู้สึกเศร้าใจ รู้สึกทุกข์ใจ มีปัญหาต่างๆ รอบตัวโดยเฉพาะเรื่องในครอบครัว ความไม่ลงรอยกันในครอบครัว ความขัดแย้งกันของคุณพ่อคุณแม่ การทะเลาะเบาะแว้งกันที่บางทีถึงขนาดทำร้ายร่างกายกัน ทำให้เด็กรู้สึกไม่มีความสุข ความกลัดกลุ้มใจ ทุกข์ใจเช่นนี้แหละที่ทำให้เขาจมอยู่กับยาเสพติด บางคนอาจลองด้วยความตั้งใจ เพราะรู้สึกว่าในขณะที่ชีวิตไม่มีความสุขนั้น มีบางสิ่งบางอย่างที่ให้ความสุขกับเขาได้ ทำให้เขาลืมความทุกข์ต่างๆ เหล่านี้ไปได้ หากครอบครัวมีความสุข เด็กจะไม่คิดสนใจพึ่งยาเสพติดเช่นนี้
ปัจจุบันยาเสพติดได้เปลี่ยนรูปแบบของการระบาดไปมาก จากเดิมเคยพบเป็นเฮโรอีน ก็กลายเป็นยาบ้า ตัวยานี้ออกฤทธิ์ต่อสมองโดยเข้าไปปรับหรือเปลี่ยนแปลงสารเคมีบางตัว ทำให้มีฤทธิ์ที่ทำให้ผู้เสพรู้สึกคึกคัก มีพลัง หรือเพลิดเพลินค่อนข้างมาก เราจึงได้ยินข่าวบ่อยๆ ว่า วัยรุ่นไปจัดปาร์ตี้กันเพื่อความสนุก แล้วมียาเสพติดเข้ามามีส่วนประกอบ เด็กหลายคนชอบใจติดใจความสนุกสนานที่ได้รับจากฤทธิ์ของยาที่ตัวเองใช้กับเพื่อน ก็มาเล่าให้เพื่อนฟัง ชักจูงกันว่าสนุกสนานดีกว่าที่ไปปาร์ตี้กันเฉยๆ หรือในหลายครั้งก็มีลักษณะของการมอมเมา คือมีการแอบปนยาเสพติดในงานที่จัด หรือเพื่อนบางคนอาจจะไม่รู้แต่พอได้รับผลที่เกิดความสนุกขึ้นมา ก็เกิดความติดใจแล้วอยากจะใช้อีก จึงทำให้เกิดยาแพร่ระบาดไปได้เร็ว

ยาเสพติดมีผลกระทบต่อตัวเด็กในหลายด้าน
ผลกระทบอันแรกที่เราอาจจะสังเกตได้อย่างชัดเจนก็คือผลการเรียน ยาเสพติดเป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อสมอง ฉะนั้นความสามารถในการเรียน ความตั้งใจ สมาธิในการเรียนของเขาจะลดลง ผลการเรียนก็เริ่มตกลง เด็กจะเริ่มมีปัญหาในการฝ่าฝืนกฎระเบียบ เพราะอยากจะใช้ยา บางทีอาจเห็นเด็กอยากโดดเรียน ออกจากโรงเรียนก่อนเวลาโรงเรียนเลิก เพราะว่าอยากจะไปใช้ยาเสพติด หรืออาจพบมีปัญหาเที่ยวกลางคืนมากขึ้น
ผลกระทบต่อไป คือ ผลกระทบต่อร่างกาย ตัวยาเสพติดเองมีฤทธิ์โดยตรงต่อการทำงานของสมองของเราหรือมีฤทธิ์โดยตรงต่อทางร่างกาย การที่เราไม่หลับไม่นอนเอาแต่สนุกสนานนั้น ร่างกายเราสู้ไม่ไหว ก็จะทรุดโทรมลง เหนื่อย อ่อนเพลีย รู้สึกอยากจะนอนมากขึ้น เด็กอาจจะง่วงเหงาหาวนอนมากขึ้นในชั้นเรียน
ภาวะทางจิตใจเองก็มีผลให้เกิดความรู้สึกวิตกกังวล เกิดความรู้สึกก้าวร้าวมากขึ้น เพราะเมื่อมีความต้องการใช้ยา เด็กก็จะกระวนกระวาย เวลาใครเข้ามาขัดขวาง เด็กก็จะรู้สึกหงุดหงิด อาจจะทำอะไรลงไปที่รุนแรงมากขึ้น ที่สำคัญคือในบางรายอาจเกิดอาการทางจิตขึ้นอย่างที่เราเห็นข่าวกัน โดยยาบ้าอาจทำให้เกิดอาการหลอนทางประสาท ทำให้เกิดความรู้สึกหวาดระแวงว่าจะมีคนทำร้าย ดังนั้นเขาอาจทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมขึ้น เนื่องจากอาการทางจิตของเขา เช่น ใช้มีดจับคนเข้ามาเป็นตัวประกัน หรือกังวลว่าเขาจะทำร้ายตัวเอง ก็จะแสดงอาการก้าวร้าวต่อคนอื่นได้
ยาบ้ายังทำให้เด็กมีโอกาสทำผิดกฎหมายได้มาก ด้วยความที่อยากได้ยามาใช้ เด็กอาจจะเริ่มลักขโมย ขโมยของ หรือว่าทำผิดกฎหมายอื่นๆ เช่น ขู่กรรโชกเพื่อที่จะได้เงินมา นอกจากนี้มีผลกระทบอีกอันหนึ่งซึ่งทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่สบายใจทีเดียว คือ เด็กกลายเป็นผู้ขายยาเสพติดเสียเอง เพื่อเอาเงินบางส่วนไปซื้อยามาเสพ ซึ่งตรงนี้เป็นผลกระทบซึ่งรุนแรงทีเดียวสำหรับเด็ก

การป้องกัน

ทำอย่างไรเด็กของเราจึงจะไม่หันมาใช้ยาเสพติดอย่างนี้ ความใกล้ชิดในครอบครัวนี่แหละคือภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดในเรื่องปัญหายาเสพติด ความเอาใจใส่กับลูกไม่ได้เริ่มที่วัยรุ่น จริงๆ แล้ว เราเอาใจใส่รักใคร่กับเขามาโดยตลอด ความผูกพันอย่างนี้ ทำให้เด็กรับรู้และเข้าใจตระหนักดีว่า การหันเข้าไปหายาเสพติดทำให้ครอบครัวของเขาเกิดปัญหาขึ้น เขาจึงมีแรงยึดเหนี่ยวจากความรักความเอาใจใส่จากครอบครัว ทำให้ไม่หันเข้าไปหายาเสพติด
การพูดคุยกับลูกวัยรุ่นก็เป็นเรื่องจำเป็น แต่ว่าจะพูดอย่างไรจึงจะพอเหมาะ ด้วยความกังวลใจ คุณพ่อคุณแม่อาจจะเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตเขามากขึ้น เข้าไปควบคุมเขา เข้าไปกำกับดูแล เข้าไปดูว่าเขาคุยโทรศัพท์กับใคร ในกระเป๋าเขามีอะไรบ้าง เข้าไปค้นในห้องนอนของเขา ลักษณะเช่นนี้ต้องระวังในเด็กวัยรุ่น เขาไม่ชอบให้เราเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตของเขา การใช้วิธีพูดคุยกันในทำนองของการไถ่ถามถึงเรื่องราวทั่วๆ ไป เปิดโอกาสให้เขาปรึกษาหารือ พร้อมที่จะรับฟังเขา จะทำให้ความรู้สึกต่อต้านของเด็กลดลง เมื่อเขาเห็นว่าเราวางใจเขา ก็จะยินดีให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาว่าเวลานี้ เขาคิดอย่างไร เขารู้สึกอย่างไร คุณพ่อคุณแม่อาจลองถามไถ่ต่อไปว่า มีบ้างไหม เขาบังเอิญเข้าไปใกล้ชิดกับปัญหาเรื่องยาเสพติด เขาคิดว่าเขาจะป้องกันตัวเองอย่างไร ถ้าเราพูดกับลูกอย่างนี้ เราจะได้แนวคิดว่าจริงๆ แล้วลูกเรามีความพร้อมในเรื่องการดูแลตัวเองจากยาเสพติดไหม ถ้าเขามีแนวคิดที่ดีอยู่แล้ว เขาป้องกันตัวเองอยู่แล้ว เราก็ให้เพียงแค่การสนับสนุน ชื่นชมเขา หรืออาจเสนอข้อมูลที่เราได้รับรู้มาใหม่ๆ เพื่อเขาจะได้ระมัดระวังตัวเขาเองมากขึ้น
อีกประการหนึ่ง คือเรื่องการสังเกตพฤติกรรม โดยเมื่อเริ่มมีปัญหาแล้วเรารีบเข้าไปแก้ปัญหาโดยเร็ว ก็ย่อมจะดีกว่าปล่อยให้เขาติดยาเสพติดจนเรื้อรังจนแก้ไขได้ยาก การสังเกตพฤติกรรมช่วงแรกๆ จะพบว่าเด็กเริ่มมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอารมณ์หงุดหงิดและก้าวร้าว เด็กบางคนอาจเก็บตัวมากขึ้น หรือมีพฤติกรรมที่แอบซ่อน เพราะว่าเขาคงไม่อยากเปิดเผยถึงการใช้ยาของเขาให้เราทราบ ถ้าเขามีปัญหาของการแอบซ่อนอย่าใช้วิธีค้นอย่างที่ว่า เพราะยิ่งหาเด็กก็ยิ่งพยายามซ่อน ระยะนี้อาจเพียงแต่เฝ้ามองพฤติกรรมอยู่ห่างๆ ดูซิว่าลูกเริ่มโกหก ลูกเริ่มแสดงพฤติกรรมหลอกลวงหรือเปล่า แล้วก็ดูด้านอื่นร่วมกันด้วย เช่น เรื่องการเรียน คุณพ่อคุณแม่อาจจะประสานกับคุณครูที่ดูแลลูกว่าขณะนี้ลูกมีปัญหาในชั้นเรียนอย่างไรไหม มีผลการเรียนตกลงไหมเพราะอะไร
กลุ่มเพื่อนของลูกก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเรายอมรับเพื่อนของลูก เราก็สามารถติดตามได้ว่าเขาไปทำอะไรกันที่ไหนบ้าง แต่ถ้าเราปฏิเสธไม่ยอมรับเพื่อน ลูกก็จะเริ่มไม่บอกกับเราอย่างตรงไปตรงมา อาจยังแอบคบหาสมาคมกันโดยที่เราไม่รู้ ซึ่งข้อนี้จะเป็นอันตรายมากกว่า เพราะเราไม่มีทางทราบว่าเขาไปทำอะไร ที่ไหน เมื่อไรบ้าง แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่เปิดใจรับให้เพื่อนของลูกเข้ามาในบ้าน เข้ามาพูดคุยกัน ทำกิจกรรมบางอย่างร่วมกันที่บ้าน ซึ่งดูแล้วอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม เช่น เขาอาจจะอยากขอมาเล่นดนตรีด้วยกันที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่ก็ควรอนุญาตหรือยอมให้เขาทำอะไรบางอย่างร่วมกันบ้าง คุณจะได้เห็นลูกกับเพื่อนในสายตาอยู่เกือบตลอดเวลา ซึ่งจะช่วยได้มากทีเดียวว่า ขณะนี้เขาไปทำอะไรที่ไหนบ้าง และการที่เราเปิดเผยกับลูก ยอมรับลูกในเรื่องต่างๆ เช่นนี้ จะทำให้ลูกเองก็พร้อมที่จะเปิดเผยกับเราด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นเรามาร่วมมือกันอย่างนี้ก็คงช่วยกันไม่ให้ลูกเราหันเข้าไปหายาเสพติดกันได้


อุทกภัย

อุทกภัย คือ ภัยที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีน้ำเป็นสาเหตุ อาจจะเป็นน้ำท่วม น้ำป่า หรืออื่น ๆ โดยปกติ อุทกภัยเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน บางครั้งทำให้เกิดแผ่นดินถล่ม อาจมีสาเหตุจากพายุ หมุนเขตร้อนลมมรสุมมีกำลังแรง ร่องความกดอากาศต่ำมีกำลังแรง อากาศแปรปรวน น้ำทะเลหนุน แผ่นดินไหว เขื่อนพัง ทำให้เกิดอุทกภัยได้เสมอ

ชนิดของอุทกภัย
1. น้ำป่าหลาก เกิดจากฝนตกหนักบนภูเขา หรือต้นน้ำลำธารและไหลบ่าลงที่ราบอย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีต้นไม้ ช่วยดูดซับ ชะลอกระแสน้ำ ความเร็วของน้ำ ของท่อนซุง และต้นไม้ ซี่งพัดมาตามกระแสน้ำจะทำลายต้นไม้ อาคาร ถนน สะพาน และชีวิตมนุษย์และสัตว์จนได้รับความเสียหาย.
2. น้ำท่วมขัง น้ำเอ่อนอง เกิดจากน้ำล้นตลิ่ง มีระดับสูงจากปกติท่วมแช่ขัง ทำให้การคมนาคมหยุดชะงัก เกิดโรคระบาดได้ ทำลายพืชผลเกษตรกร
3. คลื่นซัดฝั่ง เกิดจากพายุลมแรงซัดฝั่ง ทำให้น้ำท่วมบริเวณชายฝั่งทะเล บางครั้งมีคลื่นสูงถึง 10 เมตร ซัดเข้าฝั่งซึ่งสามารถทำลายทรัพย์สินและชีวิตได้

การป้องกันและลดความเสียหายจากอุทกภัย
ควรติดตามฟังข่าวอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาสม่ำเสมอ เมื่อใดที่กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนให้อพยพ ทั้งคนและสัตว์เลี้ยงควรรีบอพยพไปอยู่ในที่สูง อาคารที่มั่นคงแข็งแรง
ถ้าอยู่ที่ราบให้ระมัดระวังน้ำป่าหลาก จากภูเขาที่ราบสูงลงมา กระแสน้ำจะรวดเร็วมาก ควรสังเกตเมื่อมีฝนตกหนักติดต่อกันบนภูเขาหลาย ๆ วัน ให้เตรียมตัวอพยพขนของไว้ที่สูง
ถ้าอยู่ริมน้ำให้เอาเรือหลบเข้าฝั่งไว้ในที่จะใช้งานได้ เมื่อเกิดน้ำท่วม เพื่อการคมนาคม ควรมีการวางแผนอพยพว่าจะไปอยู่ที่ใด พบกันที่ไหน อย่างไร
กระแสน้ำหลากจะทำลายวัสดุก่อสร้าง เส้นทางคมนาคม ต้นไม้ และพืชไร่ ต้องระวังกระแสน้ำพัดพาไป อย่าขับรถยนต์ฝ่าลงไปในกระแสน้ำหลาก แม้บนถนนก็ตาม อย่าลงเล่นน้ำ อาจจะประสพอุบัติภัยอื่น ๆ อีกได้
หลังจากน้ำท่วม จะเกิดโรคระบาดในระบบทางเดินอาหารทั้งคนและสัตว์ ให้ระวังน้ำบริโภค โดยต้มให้เดือดเสียก่อน

ภัยพิบัติครั้งสำคัญในประเทศไทย

2526 - กรุงเทพมหานคร
2531 - ตำบลกะทูน จังหวัดนครศรีธรรมราช
2538 - กรุงเทพมหานคร
2543 - อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
2544 - ตำบลน้ำก้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ มีผู้เสียชีวิต 147 คน
2544 - จังหวัดแพร่
2547 - เขตเทศบาลแม่ระมาด จังหวัดตาก
2548 - 8 จังหวัดภาคใต้
2548 - จังหวัดเชียงใหม่
2549 - 5 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง

วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553




- เลิกเรียนปุ๊บ กลับบ้านปั๊บ !! โดยทั่วไปไฮสคูลจะเลิกกันช่วงบ่าย ประมาณบ่ายสองบ่ายสาม และเมื่อเลิกเรียนปุ๊บ ทุกคน ย้ำว่า ทุกคนจะออกจากโรงเรียนปั๊บ ไม่มีนักเรียนคนไหนอยู่ต่อ ประเภทที่นั่งชิลเรื่อยๆ นั่งทำการบ้าน นั่งเม้าท์ เล่นกีฬา อะไรแบบนี้ไม่มีเลยค่ะ เล่นเอาช็อกไปเหมือนกันว่าจะรีบกลับกันไปไหน เพราะโรงเรียนร้างเลยค่ะ ไม่มีใครเหลืออยู่เลย อันนี้แอบแปลกนะเนี่ย ถ้าเป็นเด็กไทยนี่ เลิกเรียน 3 โมง นั่งกันไปเห๊อะ นั่งชิลเรื่อยๆ จน 5-6 โมงเลยเนาะ ฮ่าๆ


- Detention !! คำนี้เป็นคำที่รู้กันดีในหมู่นักเรียนว่า ถ้าใครมาสายจะต้องโดน detention ซึ่งหมายถึงการกักขังอะไรทำนองนั้นค่ะ แต่ไม่ได้หมายถึงเอาไปขังในคุกนะคะ แต่จะเป็นการโดนกักตัวในห้องเล็กๆ ของเหล่าคนมาสาย ซึ่งจะต้องอยู่ในห้องนั้นกันประมาณ 1 ชั่วโมงถึงจะอนุญาตให้กลับเข้าห้องเรียนได้ (บางทีก็อาจโดนหลังเลิกเรียน ถึงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้) จนมีคำฮิตติดปากว่า I got the detention again. (วันนี้ฉันโดนกักตัวอีกแล้ว) ซึ่งอันที่จริงแล้ว ไม่ใช่แค่คนที่มาสายนะคะ แต่รวมถึงคนที่ทำผิดระเบียบ แต่งตัวไม่ถูกต้อง


- G' Day (อ่านว่า กู๊ดเดย์) เป็นคำทักทายของคนออสเตรเลีย ที่มักจะพูดติดปากไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียนหรือที่ทำงาน ใช้แทน Hello , Good morning , Good afternoon , Good evening .....เรียกได้ว่าถ้าไปออสเตรเลีย เรามักจะได้ยินคำว่า กู๊ดเดย์ มากกว่า เฮลโล่ ซะอีกหรือพวกเด็กเกเร ก็มักจะโดน detention กันบ่อยๆ


- ไม่ต้องจุ๊บ ! น้องๆ บางคนเคยเห็นตามซีรีส์ตะวันตกที่เวลาฝรั่งเจอกัน จะต้องเอาแก้มแนบแล้วจุ๊บ ดังนั้นพอไปถึงเมืองนอก เอาเลยค่ะ เลียนแบบซะเลย เตรียมตัวจุ๊บเต็มที่ 555 แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ ! ไม่ใช่ทุกที่นะคะที่ทำแบบนี้ เพราะที่ออสเตรเลียไม่นิยมจุ๊บค่ะ แค่ทักทายว่ากู๊ดเดย์ก็พอแล้วล่ะ เพราะฝรั่งบางคนนี่ออกจะถือตัวด้วยซ้ำ ไปจุ๊บสุ่มสี่สุ่มห้า อาจโดนเหวี่ยงได้โดยไม่รู้ตัว แถมบางคนยังถือด้วยซ้ำว่าแกมาจุ๊บฉันทำไมเนี่ย 555+

วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

10 อันดับ เมืองที่สว่างไสวที่สุดในโลก

แสงไฟจากสถานที่ต่างๆ ในยามค่ำคืน สว่างไสวเป็นสีสันสวยงาม ช่วยให้เมืองเหล่านี้ดูมีชีวิตชีวาท่ามกลางบรรยากาศในยามราตรี


อันดับที่ 10 Hong kong, China


อันดับที่ 9 Las Vegas, USA


อันดับที่ 8 Beijing, China




อันดับที่ 7 Athens, Greece


อันดับที่ 6 Madrid, Spain


อันดับที่ 5 Moscow , Russian Federatio



อันดับที่ 4 Paris, France


อันดับที่ 3 New York, USA


อันดับที่ 2 London, England




อันดับที่ 1 Tokyo, Japan











วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

โรคชิคุนกุนยา คืดโรคปวดข้อที่มียุงลายเป็นพาหะ

ชิคุนกุนยา แม้ไม่ร้ายแรงถึงตายแต่ก็ทรมานมิใช่น้อย อาการที่เด่นชัดที่สุดของโรคชิคุนกุนยาคือ อาการปวดข้อ ซึ่งอาจพบได้หลายตำแหน่งเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่น ข้อมือ ข้อเท้า อาการอาจจะรุนแรงมากจนเคลื่อนไหวหรือขยับข้อไม่ได้เลยจะรู้สึกปวดบริเวณข้ออย่างมาก โรคชิคุนกุนยามีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา “Chikungunya Virus” โดยมีพาหะนำโรคคือยุงลาย โดยทั่วไปแล้วเราจะรู้จักยุงลายในฐานะเป็นพาหะของโรคไข้เลือดออกที่มีอันตรายร้ายแรงต่อผู้ป่วยถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้
อาการนำของโรคชิคุนกุนยาจะคล้ายกับโรคไข้เลือดออก แต่ความรุนแรงของโรคชิคุนกุนยาจะน้อยกว่าโรคไข้เลือดออก ยังไม่พบผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยาที่มีอาการรุนแรงจนถึงขั้นช็อคหมดสติ ข้อแตกต่างระหว่างโรคชิคุนกุนยาและโรคไข้เลือดออกนอกจากจะแตกต่างกันในเรื่องระดับความรุนแรงของโรคแล้ว โรคไข้เลือดออกมักจะเกิดกับเด็กหรือผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีลงมาแต่โรคชิคุนกุนยาเกิดได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนที่เหมือนกันของโรคชิคุนกุนยากับโรคไข้เลือดออกคือมียุงลายเป็นพาหะนำโรคเหมือนกัน
อาการปวดข้อจากโรคชิคุนกุนยา ทำให้ผู้ป่วยได้รับความทรมานมาก อาการปวดข้อจะหายไปไประยะเวลา 1-12 สัปดาห์ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดข้อซ้ำอีกภายใน 2-3 สัปดาห์และผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดข้ออยู่นานนับเดือนหรือเป็นปี ระยะฟักตัวของโรคชิคุนกุนยาใช้เวลาประมาณ 1-12 วัน แต่ส่วนมากจะเป็น 2-3 วัน ระยะที่มีไข้สูงประมาณวันที่ 2-4 เป็นระยะที่มีเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาในกระแสเลือดเป็นจำนวนมาก ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงอย่างฉับพลันและอาจมีอาการร่วมอย่างอื่นเช่น ปวดกล้ามเนื้อ ผื่นแดงขึ้นตามตัว ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดกระดูก ปวดข้อ
โรคชิคุนกุนยา ยังไม่มียาหรือวัคซีนรักษาโดยตรง ต้องรักษาตามอาการคือถ้ามีอาการไข้สูง อาการปวดข้อก็ให้ยาลดไข้ ยาแก้ปวดและให้ผู้ป่วยนอนพักผ่อนให้เพียงพอก็จะช่วยบรรเทาอาการของโรคได้ วิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เป็นโรคชิคุนกุนยาโดยการทำลายการแพร่พันธุ์ของตัวพาหะนำโรคคือยุงลาย หมั่นตรวจรอบๆบริเวณบ้านอย่าให้มีน้ำขังที่อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย ภาชนะเก็บน้ำควรมีฝาปิดให้มิดชิด ควรนอนในมุ้งเพื่อป้องกันยุงกัดหรือถ้าออกไปทำงานในสวน นอกบ้านก็ให้ทายากันยุงขณะทำงาน กันไว้ดีกว่าแก้...แน่นอนที่สุด.

ประโยชน์ของมะละกอ

มะละกอ

มะละกอ (Papaya) เป็นไม้ผลชนิดหนึ่ง สูงประมาณ 5-10 เมตร มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลาง ผลดิบมีสีเขียว เมื่อสุกแล้วเนื้อในจะมีสีเหลืองถึงส้ม นิยมนำมารับประทานทั้งสดและนำไปปรุงอาหาร เช่น ส้มตำ ฯลฯ หรือนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ก็ได้
นอกจากการนำมะละกอไปรับประทานสด ๆ แล้ว เรายังสามารถนำไปปรุงอาหาร เช่น ส้มตำ แกงส้ม ฯลฯ หรือนำไปหมักเนื้อให้นุ่มได้อีกด้วย เพราะในมะละกอมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งเรียกว่า พาพาอิน (Papain) ซึ่งสามารถนำเอนไซม์ชนิดนี้ไปใส่ในผงหมักเนื้อสำเร็จรูป บางครั้งนำไปทำเป็นยาช่วยย่อยสำหรับผู้ที่มีปัญหาอาหารไม่ย่อยก็ได้
ประโยชน์ของมะละกอ
มะละกอถูกนำไปใช้ประโยชน์เกือบทุกส่วนของต้น เริ่มจากส่วนใบและยอดของมะละกอสามารถใช้เป็นผักเพื่อปรุงอาหารได้ ส่วนลำต้นของมะละกอหากปอกเปลือกออกจะเห็นเนื้อภายในสีขาวครีม มีลักษณะอ่อนนุ่มคล้ายหัวผักกาดของจีน สามารถนำมาประกอบอาหารได้เช่นกัน(ดองเค็ม-ตากแห้ง) เป็นอาหารที่มีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการสูง ให้สารอาหารต่างๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินบี แคลเซียม ธาตุเหล็กและวิตามินซี สารอาหารเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น
ผลมะละกอ(โดยเฉพาะผลดิบ)จะมียางสีขาวข้นที่นำมาใช้ประโยชน์โดยสกัดเป็นเอนไซม์ปาเปอีน(Papain) ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและยังใช้หมักเนื้อ(ปรุงอาหาร)ทำให้เนื้อนุ่มอีกด้วย ประโยชน์ของยางมะละกอถูกใช้ในการปรุงอาหารโดยใส่ในหม้อขณะต้มเนื้อเพื่อเร่งให้เนื้อเปื่อยเร็วขึ้น ผลมะละกอทั้งผลดิบและผลสุกยังมีประโยชน์อีกหลายอย่าง ผลมะละกอดิบมีสรรพคุณทางยาสามารถใช้เป็นพืชสมุนไพรช่วยขับปัสสาวะ เป็นยาระบายอ่อนๆ นอกจากนี้ผลมะละกอดิบยังนำไปใช้ทำเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรคือ ชามะละกอที่มีสรรพคุณในการช่วยล้างลำไส้ โดยบริเวณผนังลำไส้ของคนเราจะมีคราบไขมันเกาะติดอยู่เนื่องจากการกินอาหารที่ผัดด้วยน้ำมันเป็นประจำ คราบไขมันนี้จะเป็นตัวคอยขัดขวางไม่ให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้อย่างเต็มที่ การดื่มชามะละกอเป็นประจำจึงเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพช่วยล้างคราบไขมันที่ผนังลำไส้ทำให้ระบบดูดซึมสารอาหารของลำไส้ทำงานได้อย่างเต็มที่
ประโยชน์ของมะละกอดิบ ที่เป็นที่รู้จักกันดีอีกอย่างหนึ่งคือการนำไปปรุงเป็นอาหาร “ส้มตำ” ซึ่งถือว่าเป็น “อาหารเพื่อสุขภาพ” ที่คนรู้จักกันดี ส่วนผลมะละกอสุกมีประโยชน์หลายอย่างไม่แพ้ผลมะละกอดิบเลยคือการกินผลมะละกอสุกจะช่วยบำรุงธาตุ เป็นตัวช่วยย่อยอาหารทำให้ระบบขับถ่ายดีและยังมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ ทำให้ท้องไม่ผูก ผลมะละกอสุกยังนำไปทำเป็นเครื่องดื่มคือ “น้ำมะละกอ” ใช้ดื่มหลังอาหารช่วยในการย่อยอาหารและลดกรดในกระเพาะอาหารทำให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้นเนื่องจากในผลมะละกอมีเอนไซม์ปาเปอีน(Papain) นั่นเอง
ประโยชน์ของมะละกอสุก
ผลมะละกอสุกเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานเย็นอร่อยและมีคุณค่าทางอาหารสูงประกอบด้วยน้ำาร้อยละ 88 น้ำตาลร้อยละ 10 โปรตีนร้อยละ 0.5 ไขมันร้อยละ 0.1 กรดร้อยละ 0.1 กากร้อยละ 0.6 และเยื่อใยร้อยละ 0.7 นอกจากนี้เนื้อมะละกอสุกยังมีวิตามิน เกลือแร่ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายสูงมาก กล่าวคือ ในมะละกอจำนวน100 กรัมจะมีวิตามินเอ ถึงประมาณ 2,000 –3,000 หน่วยสากล มีไทอามีน 15 – 64ไมโครกรัม ไรโบฟลาวิน 28 – 83 ไมโครกรัม ไทอะซิน 0.15 – 0.76 ไมโครกรัมและกรดแอสคอบิค 33. – 136 มิลลิกรัมผลมะละกอสุกมีคุณสมบัติเป็นยาระบายแก้การท้องผูกได้ดี โดยส่วนมากจะใช้รับประทานแบบผลไม้สุก เป็นอาหารเช้า ของว่างหรือเป็นส่วนผสมในสลัดผลไม้ หรืออาจนำมาแปรรูปปรุงรสให้มีรสชาติดียิ่งขึ้น เช่นเป็นเครื่องดื่ม เครื่องปรุงไอสครีมทำมะละกอเชื่อม ในปัจจุบันได้มีการนำเอามะละกอสุกมาใช้เป็นวัตถุดิบแทนในการผลิตอาหารมาก โดยเฉพาะการใช้ทดแทนมะเขือเทศเช่น ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตซ๊อสมะเขือเทศ ซ๊อสพริก น้ำมะเขือเทศเป็นต้น ทั้งนี้เนื่องจากมะละกอมีราคาถูกตลอดจนมีรส สี กลิ่นและแร่ธาตุต่างๆไม่ได้แตกต่างไปจากมะเขือเทศเท่าใดนัก จึงทำให้ผู้ผลิตนิยมมาก นอกจากนี้มะละกอสุกยังสามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมในอุตสาหกรรมการผลิตสลัดผลไม้กระป๋อง น้ำแยมและมะละกอผงได้ดีอีกด้วย
มะละกอสุกยังมีประโยชน์อีกอย่างที่สำคัญคือ ในผลสุกจะมีวิตามินเอ แคลเซียม วิตามินบี1 วิตามินบี2 และสารอาหารที่สำคัญสำหรับคุณสาวๆ นั่นคือ เบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีสรรพคุณในด้านความงามเช่น บำรุงผิวพรรณ ลดริ้วรอยก่อนวัยอันควร ชะลอความแก่ ฯลฯ นับได้ว่ามะละกอเป็นผลไม้เพื่อความงามก็ไม่น่าจะผิด
นอกจากผลมะละกอแล้วยางมะละกอซึ่งมีสารอินทรีย์ชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่า "ปาเปน" มีคุณสมบัติในการช่วยย่อยโปรตีนได้สูง คล้ายคลึงกับเอมไซม์เป็ปซินสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในทางอุตสาหกรรมได้หลายอย่างเช่น อุตสาหกรรมการผลิตเบียร์และเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมเนื้อหรือปลากระป๋อง โดยนำไปทำเป็นผงเปื่อยทำให้เนื้อเปื่อย อุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ เช่น เป็นยาช่วยย่อยอาหาร ยาใส่แผลฆ่าเชื้อต่างๆ ใช้แช่หนังสัตว์ในอุตสาหกรรมการฟอกหนังและขนสัตว์มีความต้านทานต่อการหดตัว ใช้แยกออกจากไหมแท้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ นอกจากนี้ยังใช้ในอุตสากรรม การทำสบู่ ยาสีฬัน เครื่องสำอาง กระดาษและอุตสาหกรรมหมากฝรั่งส่วนเปลือกมะละกอสามานำมาใช้เป็นผลพลอยได้ โดยใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น เป็นสีส่วนผสมของอาหารเป็นต้น นอกจากนั้นใบอ่อนยังรับประทานเป็นผักได้ เมล็ดใช้ทำยาบีบมดลูกยาแก้อาการละคายเคืองหรือยาถ่ายพยาธิ ยอดหรือลำต้นใช้เป็นอาหารสัตว์ รากและก้านใบก็ยังสามารถใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ยาถ่ายพยาธิ หรือใช้ซักผ้าแทนสบู่หรือผงซักฟอกได้อีกด้วย
การปลูกมะละกอ เนื่องจากมะละกอถือเป็นพืชผักพื้นบ้านชนิดหนึ่งจึงนิยมปลูกในบริเวณรั้วบ้าน มะละกอเป็นพืชที่ทนความแห้งแล้งได้ดีพอควร จึงไม่ต้องการการดูแลเอาใจใส่มากนัก การปลูกมะละกอจึงง่ายแต่ประโยชน์ที่ได้รับจากการนำส่วนต่างๆ ของต้นมะละกอไปใช้งานหรือบริโภคนั้นมีมากมายหลายประการ อาจพูดได้ว่า มะละกอเป็นผลไม้สารพัดประโยชน์เลยทีเดียวก็ได้

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Bière





La bière est une boisson alcoolisée obtenue par fermentation, fabriquée à partir d’eau, de malt (céréale germée, très généralement de l'orge, parfois du froment ou du seigle) et de houblon.
Remontant à l’Antiquité (la fabrication de bière est attestée à Sumer au IVe millénaire av. J.-C.), elle est l'une des boissons les plus populaires à travers le monde.
Des versions faiblement alcoolisées (variant de 2° à 0°) sont présentes sur le marché. Contrairement aux autres boissons « sans alcool », elles sont fabriquées par les mêmes procédés que la bière classique. La fabrication de la bière est réalisée industriellement ou artisanalement dans une brasserie mais est réalisable par le particulier.


Histoire


L'histoire de la bière est intimement liée à celle de ses ingrédients, ainsi qu'aux avancées technologiques qui firent de cette boisson le breuvage que l'on connaît aujourd'hui. Les premières cultures de céréales, notamment de l'orge et de l'épeautre (une variété de blé), ont été attestées en 8000 avant J.-C. en Mésopotamie. Tous les ingrédients étant disponibles à partir de cette époque là, la bière pouvait donc exister et l'on estime son invention/découverte à 6000 avant J.-C.. Cependant, les preuves formelles de son existence, découvertes dans la province de Sumer, remontent au IVe millénaire av. J.-C. À cette époque, la bière, alors appelée « sikaru[1]» (dont la traduction littérale est pain liquide) était à la base de l'alimentation quotidienne. On la fabriquait par cuisson de galettes à base d'épeautre et d'orge que l'on mettait à tremper dans de l'eau, afin de déclencher la fermentation nécessaire à la production d'alcool, et que l'on assaisonnait avec de la cannelle, du miel ou toutes autres épices en fonction des préférences des clients. La bière, connue des peuples de Chaldée (maintenant Irak, Koweït) et d'Assyrie (Syrie,Liban,Israël), devenue monnaie d'échange, commença sa dissémination.

Consommée en famille et utilisée comme moyen de paiement à Babylone, puis boisson des dieux en Égypte, la bière devint dans la Grèce antique et dans l’Empire romain celle du pauvre, et le vin celle des dieux. Elle resta cependant la boisson de choix des peuples du nord, celtes et germains. La préférence pour le vin se confirma dans l’Europe chrétienne au début du Moyen Âge, notamment grâce au concile d’Aix-la-Chapelle de 816 qui encouragea les viticultures épiscopales et monastiques dans le but de célébrer l’eucharistie. Il fallut attendre le VIIIe siècle pour voir le brassage de la bière y reprendre de l’importance, en particulier en Bavière. Par la suite, aux environs du XIIe siècle, certains monastères (par exemple en Belgique et en Bavière) se spécialisèrent dans le brassage de la bière, bue par la population à la place d’une eau souvent non potable.

Aujourd’hui, la bière jouit d’un succès mondial en tant que boisson désaltérante et de dégustation. Ce succès remonte au XIXe siècle où la maîtrise de la fermentation basse grâce à la réfrigération et la pasteurisation permirent la production de nouvelles variétés de bière ainsi que leur exportation. Par exemple la pils, bière lager née à Plzeň en Bohême (République tchèque) en 1842, a très rapidement connu un succès international.

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การปฏิวัติฝรั่งเศส



สาเหตุของการปฏิวัติฝรั่งเศสนี้อาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ
1.สาเหตุที่ฝังรากลึก
สาเหตุที่ฝังรากลึก หรือ Les causes profondes ได้แก่ สภาพทางสังคม, การบริหารประเทศที่ไม่ทันสมัย, และการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม
2.สาเหตุจากปัจจัยที่ส่งผลกระทบรวดเร็ว

สาเหตุจากปัจจัยที่ส่งผลกระทบรวดเร็ว หรือ Les cause immédiates มีสาเหตุหลักเริ่มต้นมาจาก

- ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และการพยายามแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนั้น

- ภูมิอากาศในฝรั่งเศสในช่วงนั้นได้หนาวมาก จนกระทั่งชาวนาได้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้น้อยมาก

- พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ได้ส่งกองกำลังทหารไปที่ทวีปอเมริกา เพื่อไปทำสงครามกับอังกฤษ เพื่อปลดปล่อยชาวอาณานิคมในสมัยนั้นให้เป็นเอกราช

- การสร้างพระราชวังแวร์ซายในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 อันเนื่องมาจากความกลัวว่าประชาชนจะลุกขึ้นมาต่อสู้กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 อีก

- การทำสงครามขยายดินแดนฝรั่งเศสไปทางสเปน ในปลายสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14


การปฏิวัติ
Les états généraux

ในปี พ.ศ. 2331 พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 เรียกประชุมสภา les états généraux ซึ่งมีการประชุมครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2157 ก่อนหน้าการประชุม ได้มีการถวายฎีกาทั่วประเทศ มีการควบคุมและห้ามการเผยแพร่ใบปลิวที่มีเนื้อหาเสรีจนน่าจะเป็นอันตราย เนคเกร์ที่ถูกเรียกกลับมาดำรงตำแหน่งในปี พ.ศ. 2331ได้เรียกร้องให้มีการเพิ่มจำนวนตัวแทนจากชนชั้นที่ 3 ให้มากขึ้นเป็น 2 เท่า เพราะจำนวนตัวแทนในขณะนั้นมีน้อยเกินไป และเขายังเรียกร้องให้ปลดตัวแทนบางส่วนจากชนชั้นที่ 1 และ 2 อีกด้วย

สภา les états généraux ได้มีการประชุมที่พระราชวังแวร์ซายส์ในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2332 การประชุมครั้งนี้ใช้ระบบลงคะแนนคือ 1 ฐานันดรต่อ 1 เสียง ซึ่งไม่ยุติธรรม เพราะฐานันดรที่สามซึ่งมีจำนวนถึง 90% ของประชากรกลับได้คะแนนเสียงเพียง 1 ใน 3 ของสภา และวิธีการลงคะแนนนี้จะทำให้ฐานันดรที่สามไม่มีทางมีเสียงเหนือกว่า 2 ฐานันดรแรก โดยเสนอให้ลงคะแนนแบบ 1 คน 1 เสียงแทน เมื่อข้อเสนอนี้ถูกปฏิเสธ ทำให้ตัวแทนฐานันดรที่ 3 ไม่พอใจเป็นอย่างมากจึงไม่เข้าร่วมการประชุม และไปตั้งสภาของตนเองเรียกว่าสมัชชาแห่งชาติ ซึ่งเปิดประชุมเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ปีเดียวกัน. สภานี้ยังมีตัวแทนจากฐานันดรที่ 1, 2 บางส่วนเข้าร่วมประชุมด้วย ได้แก่ตัวแทนส่วนใหญ่ของชนชั้นนักบวช และตัวแทนที่เป็นขุนนางหัวสมัยใหม่นำโดยมิราโบ

สมัชชาแห่งชาตินี้ประกาศว่า สภาของตนเท่านั้นที่มีสิทธิ์ขึ้นภาษี เนื่องจากไม่ไว้วางใจการทำงานของรัฐบาลของพระเจ้าหลุยส์ ที่สนับสนุนแต่ขุนนางและพระสงฆ์ พระเจ้าหลุยส์พยายามหาทางประนีประนอมโดยเสนอว่าจะจัดประชุมสภา les états généraux ขึ้นอีกครั้งพวกขุนนางและพระสงฆ์ตอบตกลง แต่สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมประชุม โดยไปจัดการประชุมของตัวเองขึ้นที่สนามเทนนิส (สมัยนั้นเรียกว่า Jeu de paume) ในวันที่ 20 มิถุนายน โดยมีมติว่าจะไม่ยุบสภานี้จนกว่าประเทศฝรั่งเศสจะได้รัฐธรรมนูญ

เปิดฉากการปฏิวัติ
หลังจากที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ถูกกดดันจากกองทัพ พระองค์ก็ทรงเรียกร้องให้ตัวแทนจาก 2 ฐานันดรแรกเข้าร่วมประชุมสภา Assemblée Nationale ด้วยเพื่อร่างรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดสภาใหม่ในวันที่ 9 กรกฎาคมคือ Assemblée Nationale Constituante เพื่อร่างรัฐธรรมนูญ

การยึดคุกบาสตีย์

แต่หลังจากนั้นไม่นาน พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส ก็ได้รับการกดดันอีกครั้งจากพระนางมารี อองตัวเนต และน้องชายของพระเจ้าหลุยส์คือ Comte d'Artois ซึ่งจะได้เป็นพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 10 แห่งฝรั่งเศสในอนาคต ทำให้พระองค์ทำการเรียกกองทหารที่จงรักภักดีต่อพระองค์จากต่างประเทศเข้ามาประจำการในกรุงปารีสและพระราชวังแวร์ซายส์ทำให้เกิดความโกรธแค้นในหมู่ประชาชน นอกจากนี้พระเจ้าหลุยส์ยังทรงปลดเนคเกร์ลงจากตำแหน่งอีกครั้ง ทำให้ประชาชนออกมาก่อจลาจลเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม และยึดคุกบาสตีย์ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์พระราชอำนาจของกษัตริย์ได้ในวันที่ 14 กรกฎาคม

หลังจากนั้นพระเจ้าหลุยส์ก็เรียกเนคเกร์มาดำรงตำแหน่งอีกครั้งในวันที่ 16 กรกฎาคม เนคเกร์ได้พบกับประชาชนที่ศาลาว่าการกรุงปารีส (l'Hôtel de Ville) ซึ่งถูกประดับไปด้วยธงสามสีคือแดง ขาว น้ำเงิน วันเดียวกันนั้น Comte d'Artois ก็ได้หนีออกนอกประเทศ ถือเป็นสมาชิกราชวงศ์คนแรก ๆ ที่หนีออกนอกประเทศในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส

หลังจากนั้นไม่นาน เทศบาลและกองกำลังติดอาวุธของประชาชน (Garde Nationale) ก็ได้ถูกตั้งขึ้นอย่างรีบเร่งโดยประชาชนชาวปารีส โดยในไม่ช้าทั่วประเทศก็มีกองกำลังติดอาวุธของประชาชนตามอย่างกรุงปารีส กองกำลังนี้อยู่ใต้การบัญชาการของนายพลเดอลาฟาแยตต์ ซึ่งท่านผู้นี้เคยร่วมรบในสงครามกู้อิสรภาพของสหรัฐอเมริกามาก่อน เมื่อพระเจ้าหลุยส์เห็นว่าทหารต่างชาติไม่สามารถรักษาความสงบไว้ได้ ก็ทรงปลดประจำการทหารเหล่านั้น

ผลของการปฏิวัติในช่วงแรก

การยุติสิทธิพิเศษต่าง ๆ
สภา Assemblée Nationale ได้ประกาศว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน และล้มเลิกสิทธิการงดเว้นภาษีของคณะสงฆ์ รวมทั้งให้ทุกคนมีโอกาสในการประกอบอาชีพทุกอย่างเท่าเทียมกัน ภายหลังจากการลงมติของสภาฯ ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ คือวันที่ 3-4 สิงหาคม 2332 ซึ่งได้รับมติสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากสมาชิกสภา

คำประกาศสิทธิของมนุษย์และพลเมือง
หรือ La déclaration des droits de l'homme et du citoyen
เป็นคำประกาศที่ปูทางไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปรัชญารู้แจ้ง (Enlightened) ซึ่งเป็นปรัชญาที่ได้รับความนิยมในยุคนั้น และคำประกาศนี้ได้แบบอย่างจากรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ คำประกาศนี้ผ่านการพิจารณาของสภาฯ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2332 มีเนื้อหาหลักแสดงถึงหลักการพื้นฐานของการปฏิวัติ ภายใต้คำขวัญที่ว่า "เสรีภาพ,เสมอภาค,ภราดรภาพ"
ในขณะนั้นมีข่าวลือในหมู่ประชาชนว่าจะมีการยึดอำนาจคืนของฝ่ายนิยมระบอบเก่าเมื่อชาวปารีสรู้ข่าวก็มีการตื่นตัวกันขนานใหญ่ ดังนั้นประชาชนชาวปารีสซึ่งส่วนมากเป็นผู้หญิง ได้เดินขบวนไปยังพระราชวังแวร์ซายส์และเชิญพระเจ้าหลุยส์พร้อมทั้งราชวงศ์มาประทับในกรุงปารีส ในวันที่ 5-6 ตุลาคม ปีเดียวกัน โดยมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่อนุรักษ์นิยมตามเสด็จกลับกรุงปารีสด้วย
สำหรับสภา Assemblée Nationale ในขณะนั้นประกอบด้วยสมาชิกที่หัวก้าวหน้าเป็นส่วนมาก แต่มีภารกิจสำคัญอันดับแรกของสภาคือการดำรงสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ ดังนั้นจึงยังไม่มีการโค่นล้มสถาบันกษัตริย์ในขณะนั้น
การปฏิรูปครั้งใหญ่

รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของฝรั่งเศสมีผลบังคับใช้เมื่อปลายปี พ.ศ. 2332 ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้
- ตำแหน่งต่าง ๆ ในราชการไม่สามารถตกทอดไปยังลูกหลาน
- จังหวัดต่าง ๆ ถูกยุบ, ประเทศถูกแบ่งเป็น 83 เขต (départements)
- ศาลประชาชนถูกก่อตั้งขึ้น
- มีการปฏิรูปกฎหมายของฝรั่งเศส
- การเวนคืนที่ธรณีสงฆ์ แล้วนำมาค้ำประกันพันธบัตร ที่ออกเพื่อระดมทุนจากประชาชน มาแก้ไขปัญหาหนี้ของประเทศ

การปฏิรูปสถานะของพระสงฆ์
นอกจากที่ธรณีสงฆ์จะถูกเวนคืนแล้ว การปกครองของคณะสงฆ์ในประเทศฝรั่งเศสก็ยังถูกเปลี่ยนแปลง ตามกฎหมายการปกครองคณะสงฆ์ฉบับใหม่ที่ออกเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2333 โดยใช้การปกครองประเทศเป็นแม่แบบ คือกำหนดจำนวนสังฆราช (évêque) ไว้เขต (département) ละ 1 ท่าน และให้เมืองใหญ่แต่ละเมืองมีอัครสังฆราช (archévêque) 1 ท่าน โดยสังฆราชและอัครสังฆราชแต่ละท่านจะถูกเลือกโดยสมัชชาแห่งชาติ และได้รับเงินเดือนจากรัฐบาล นอกจากนี้ ผู้ที่จะมาเป็นพระสงฆ์ในทุกระดับจะต้องสาบานตนว่าจะจงรักภักดีต่อประเทศอีกด้วย

การจับกุม ณ วาแรน
มีข่าวลือสะพัดอย่างหนาหูว่า พระนางมารี อองตัวเนตนั้น ได้แอบติดต่อกับพี่ชายของพระองค์ คือจักรพรรดิลีโอโปลด์ที่ 2 แห่งออสเตรีย เพื่อที่จะให้จักรพรรดิยกทัพมาโจมตีฝรั่งเศสและคืนอำนาจให้ราชวงศ์ พระเจ้าหลุยส์นั้นไม่ได้พยายามหนีออกนอกประเทศหรือรับความช่วยเหลือ แต่จะทรงหนีไปตั้งมั่นอยู่กับนายพลบุยเล่ ที่จงรักภักดีและสัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือแก่พระองค์ พระองค์เสด็จออกจากพระราชวังตุยเยอรีในตอนกลางคืนของวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2334 แต่ทรงถูกจับได้ที่เมืองวาแรน ในวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2334 ส่งผลให้ความเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อพระองค์นั้นลดลงอย่างมาก พระองค์ถูกนำตัวกลับมากักบริเวณในกรุงปารีส

การสิ้นสุดของสภาร่างรัฐธรรมนูญ
แม้ว่าสมาชิกส่วนใหญ่ของสภาฯ จะนิยมระบอบประชาธิปไตยโดยให้พระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ มากกว่าระบอบสาธารณรัฐก็ตาม แต่ ณ ขณะนั้น พระเจ้าหลุยส์ก็ไม่ได้มีบทบาทมากไปกว่าหุ่นเชิด พระองค์ถูกบังคับให้ปฏิญาณตนต่อรัฐธรรมนูญ และให้ยอมรับเงื่อนไขที่ว่า เมื่อพระองค์กระทำการใดๆที่จะชักนำให้กองทัพต่างชาติมาโจมตีฝรั่งเศส หรือ กระทำสิ่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ให้ถือว่าพระองค์สละราชสมบัติโดยอัตโนมัติ
ขณะเดียวกันนั้น ฌอง ปิแอร์ บริสโซต์ ได้ร่างประกาศโจมตีพระเจ้าหลุยส์ มีสาระสำคัญว่า พระเจ้าหลุยส์ทรงสละราชสมบัติไปตั้งแต่พระองค์เสด็จออกจากพระราชวังทุยเลอรีส์แล้ว ฝูงชนจำนวนมากพยายามเข้ามาใน ชอง เดอ มาร์ส เพื่อลงนามในใบประกาศนั้น ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น สภาร่างรัฐธรรมนูญได้ขอร้องให้เทศบาลกรุงปารีสช่วยรักษาความสงบ แต่ไม่สำเร็จ ในที่สุด กองทหารองครักษ์ ภายใต้การบัญชาการของลาฟาแยตต์ ก็ได้เข้ามารักษาความสงบ ฝูงชนได้ปาก้อนหินใส่องครักษ์ ในช่วงแรก องครักษ์โต้ตอบด้วยการยิงขึ้นฟ้า แต่ไม่สำเร็จ จึงจำต้องยิงปืนใส่ฝูงชน ทำให้ประชาชนตายไปประมาณ 50 คน
หลังจากการสังหารหมู่ครั้งนี้ ทางการก็ได้ดำเนินการปราบปรามพวกสมาคมนิยมสาธารณรัฐต่างๆ รวมทั้งหนังสือพิมพ์ของพวกนี้อีกด้วย หนังสือพิมพ์เพื่อนประชาชน (l'ami du peuple) ของมาราต์ บุคคลที่มีแนวคิดแบบนี้เช่น มาราต์และเดสมูแลงต่างพากันหลบซ่อน ส่วนดังตงหนีไปอังกฤษ
ขณะที่ภายในฝรั่งเศสกำลังวุ่นวาย เหล่าราชวงศ์ของยุโรป โดยมีแกนนำคือกษัตริย์แห่งปรัสเซีย จักรพรรดิออสเตรีย และพระอนุชาของพระเจ้าหลุยส์ ก็ได้ร่วมมือกัน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือให้พระเจ้าหลุยส์มีอิสรภาพสมบูรณ์และให้ยุบสภา Assemblée Nationale หากสิ่งเหล่านี้ไม่เกิดขึ้น ก็จะโจมตีฝรั่งเศสเพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมาย แต่ประชาชนชาวฝรั่งเศสไม่สนใจต่อคำประกาศดังกล่าว และเตรียมการต่อต้านอย่างแข็งขัน โดยส่งกำลังทหารไปยังชายแดน