วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สถานที่ที่อันตรายที่สุดในโลก 10 อันดับ

อันดับ 10 Great Pacific Garbage Patch โอ๊วนี่คือสาเหตุโลกร้อนหรือปล่าว
แพขยะ ใหญ่แปซิฟิก (Great Pacific Garbage Patch) ซึ่งเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า แพขยะตะวันออก หรือ วงวนขยะแปซิฟิก (Pacific Trash Vortex)คือวงวนใหญ่ของขยะมหาสมุทร (marine litter) ที่อยู่ส่วนกลางของมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือตำแหน่งประมาณ 135 -135° ตะวันตก ถึง 155-155° ตะวันตกและเส้นขนานที่ 35° เหนือ ถึงเส้นขนานที่ 42° เหนือ และประมาณขนาดใหญ่ได้เป็น 2 เท่าของเนื้อที่รัฐเท็กซัสซึ่งมีขนาดใกล้ เคียงกับประเทศไทยแพขยะมีลักษณะของการรวมตัวอย่างเข้มของขยะพลาสติกและขยะอื่นที่ถูกกักรวมได้ด้วยกระแสวงวนใหญ่แปซิฟิกเหนือ จนแพขยะมีขนาดใหญ่มหาศาลและหนาแน่นจนมีผลต่อสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นสารพิษ, ผลกระทบต่อสัตว์บกสัตว์ทะเล จนถึงขณะนี้ไม่มีวิธีใดที่จะกำจัดขยะเหล่านี้ได้นอกจากนั้นมันยังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายปีทีผ่านมา จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ของสหรัฐและของโลกเป็นที่ เรียบร้อย

อันดับ 9 Izu islandsนรกบนดินดีๆนี่เอง
เหอะๆ หน้ายังกับตัวร้ายใน Assasin Creed เลยหมู่ เกาะอิสุ เป็นหมู่เกาะภูเขาไฟที่เรียงรายอยู่ทางทิศ ใต้และตะวันออกของคาบสมุทรอิสุในเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่นตามเขตการปกครองแล้ว ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกรุงโตเกียว เกาะที่ใหญ่ที่สุด คือ เกาะอิสุโอชิม่า มักเรียกสั้นๆว่า เกาะโอชิม่าประกอบด้วย 9 เกาะคือ เกาะ อิสุโอชิม่า หรือเกาะโอชิม่า, เกาะโทชิม่า, เกาะนิอิ, เกาะชิกิเนะ, เกาะโคสุ, เกาะมิยาเกะ, เกาะมิคุระ, เกาะฮาจิโจ, เกาะอาโองะในสมัยเอโดะ เกาะนิอิ เกาะมิยาเกะ และเกาะฮาจิโจ ถูกเลือกให้เป็นสถานที่สำหรับเนรเทศนักโทษต่อมาเมื่อถึงปี 2000 ได้เกิดเหตุภูเขาไฟระเบิด และพ่นแก๊สพิษออกมาจำนวนมาก ทำให้ต้องมีการอพยพประชาชนออกจากเกาะมิยาเกะจนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2005 ผู้ที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะอิซุจึงได้รับอนุญาตให้กลับไปอาศัยอยู่ได้แต่จำเป็นต้องมีหน้ากากกันแก๊สพิษและต้องมีเตรียมพร้อมสำหรับเหตุระเบิดใน อนาคต ทำให้ปัจจุบันที่แห่งนี้มีกลิ่นกำมะถันเต็มไปหมด

อันดับที่ 8 Door to hellอันนี่สินรกใต้ดิน
สถานที่นี้ถูกขนานนาม ว่า ประตูสู่นรก(Door to Hell) อยู่ใกล้เมืองเล็กๆเมืองหนึ่งของ Darvaz ในประเทศอุซเบกิสถานโดยการค้นพบสถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 1970 นักธรณีวิทยาได้ทำการขุดเจาะหาก๊าซอยู่นั้น พวกเขาก็ได้พบกับถ้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้พื้นดินซึ่งมันใหญ่มาก ใหญ่ซะจนกลืนกินเครื่องมือในการขุดเจาะของพวกเขาไปจนหมดนักธรณีวิทยาเหล่านั้นไม่มีใครกล้าลงไปในหลุมเพราะมันเต็มไปด้วยแก๊สพิษดังนั้นพวกเขาจึงจุดไฟเพื่อที่จะเผาไหม้แก๊สให้หมดไป แต่!!!จนถึงตอนนี้ 35 ปีแล้วไฟที่จุดยังไม่เคย ดับลงแม้แต่วินาทีเดียว และไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามันจะดับลงเมื่อไหร่ อีกทั้งไม่มีใครกล้าลงไปสำรวจ
อันดับที่ 7 Alnwick Poison Gardens น่าจะทำเป็นคุกขังโจรแล้วเอาพืชมาไว้รอบจะได้แหกคุกไม่ได้
เมืองอาร์นวิค (Alnwick) ในอดีตเคยเป็น เมืองหลวงของมณฑลนอร์ทธัมเบอร์แลนด์ของสหราชอาณาจักรตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอาร์นซึ่งไหลผ่านใจกลางของเขตอาร์นวิค และเขตชนบทของมณฑลนอร์ทธัมเบอร์แลนด์สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของเมืองอาร์นวิค คือสวนพฤษศาสตร์ที่ตั้งอยู่ที่ เดนวิค, เมืองอาร์นวิค, NE66 1YU, อังกฤษสวนอลานวิคเป็นสวนที่ สวยงาม และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 2002และในปี ค.ศ. 2005 โดยสวนแปลกที่เราจะไป ท่องเที่ยวคือพอยซัน การ์เด็นหรือสวนที่รวมต้นไม้มีพิษและเป็นเส้นทางเขาวงกต (สร้างขึ้นเมื่อปี 1500)มีพืชมีพิษจำนวนมากจำพวกมะเขือพวง ยาสูบ และนอกจากนี้ยังมีพืชต้องห้ามต่างๆ เช่น กัญชา, โคคา ซึ่งเราสามารถพบพืชมีพิษเหล่านี้ได้ที่นี่เท่านั้น

อันดับที่ 6 Asbestos Mine
เหมืองแร่ใยหินหรือแอ สเบสตอส(Asbestos) ตั้งอยู่ที่ Thetford-Mines, รัฐควิเบก,แคนาดาเป็นเหมืองแร่ขนาดใหญ่ที่ขุดเพื่อเอรแอสเบสตอสซึ่งเป็นแร่ที่เกิดตาม ธรรมชาติที่มีลักษณะเป็นใยหินซึ่งมีคุณสมบัติแข็ง แรงและทนทานต่อความร้อนสูง ใช้ในการผสมเป็นวัตถุดิบ เพื่อการก่อสร้างและผลิตอุปกรณ์หรือ สิ่งของต่างๆมากมาย เช่นเป็นฉนวนกันความร้อน ทำผ้าเบรกและ ครัช กระเบื้องมุง หลังคา และท่อซีเมนต์แต่สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดมะเร็งและโรคอื่นๆ และที่อันตรายที่สุดคือคนงานในเมืองที่จำเป็นดมแร่แอสเบสตอสมากมายจนเอสเบสทอสถูกสั่งห้ามใช้ในยุโรป และแคนาดาแล้ว แต่เหมืองเอสเบสทอสยังคงมีอยู่....เพื่อส่งแอสเบสทอสไปขายในประเทศกำลัง พัฒนา ซึ่งในฤดูร้อนก็เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีรถทัวร์ชมรอบๆ เหมือง หากคุณจะไปเที่ยวขอให้เตรียมพร้อมกับอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวคุณ ไว้ด้วย

อันดับที่ 5 Ramree Island มันคือจระเข้
เมื่อ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ปี 1945 ใน ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นประมาณ 900-1,000 นายประจำการอยู่ด้านหนึ่ง บน "เกาะรามรีย์" นอกชายฝั่งพม่า เพื่อนบ้านของเรานี่เองเพื่อสู้รบกับฝ่ายสัมพันธมิตร ทหารญี่ปุ่นต่อสู่ไม่ถ้อย แต่กระนั้นก็ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ทำให้จำเป็นต้องถอยหนี พวกทหารญี่ปุ่นจังมุ่งหน้ารวมกลุ่มหนึ่งที่ฝากหนึ่งของเกาะและนี้เป็นจุดเริ่มต้น ของคืนที่สยดสยองที่ทหารญี่ปุ่นในเวลานั้นลืมไม่ลงทหารญี่ปุ่นที่เหลือ 1000 นาย ได้รวมกลุ่มเพื่อไปอีกฟากหนึ่งของเกาะโดยพวกเขาจำเป็นต้องผ่านมีบึงขนาด 16 กม.เท่านั้นและระหว่างที่พวกเขาลุยผ่านบึงนั้นพวกเขาได้ถูกจู่โจมจากฝ่ายศัตรูแต่ไม่ใช้พวกพันธมิตร หากแต่เป็นสัตว์เลื่อยคลานชนิดหนึ่ง“มันคือจระเข้”จระเข้ ยักษ์ที่ตะกละตะกลาม จำนวนมากโจมตีทหารญี่ปุ่น อย่างดุร้ายและบ้าคลั่ง ค่อยๆ หายไปทีละคนๆท่ามกลางความสับสนวุ่นวายและเสียงปืนที่ยิงสะเปะสปะ เหล่าทหารญี่ปุ่น 3 ใน 4 ไม่รอดจากเหตุการณ์บึงมรณะครั้งนั่นคนส่วนใหญ่ที่รอดมาได้ก็บาดเจ็บสาหัส แต่ยังมีชีวิตและสติอยู่มากพอจะภาวนาขอให้ตายไปเสียยังจะดีกว่าและในเหตุการณ์ในครั้งนั้นกินเนสบุ๊คยกให้เป็น "โศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดจากสัตว์"ปัจจุบัน เกาะรัมรี (Ramree Island) เป็นส่วนหนึ่งของจ๊อกปะยู ติดกับชายฝั่งอ่าวเบงกอลในรัฐยะไข่ มีสนามบินพาณิชย์ มีสะพานและถนนเชื่อมกับแผ่นดิน อยู่ห่างจากเมืองท่าซิตต่วย (Sittwe)ลงมาทางทิศใต้ 200 ก.ม.เศษ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มของระบบทางหลวงที่ไปเชื่อมกับเมืองมะกวย(Magwe)เมืองเม็กติลา (Meiktila) ในเขต มัณฑะเลย์ และเมืองตองยี (Taunggyi) กับเชียงตุง ในรัฐฉาน และถึงชายแดนไทย-จีนเกาะ รามรีย์นั้น ไม่ได้มีชื่อเสียงเพียงแค่เป็นแหล่งของยุงพาหนะไข้มาลาเรีย, แมลงวันที่ วางไข่ในแผลและแมงป่องที่มีพิษร้ายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสัตว์ร้ายที่สร้างความหวาดกลัวต่อทหารญี่ป่นในสงครามโลกครั้ง ที่ 2 ด้วยนั้นคือ "จระเข้น้ำเค็ม" ที่ซ่อนตัวอยู่ในบึง ซึ่งมีอยู่มากมายนับหลักพันตัว! จนได้ขนานนามว่า “เกาะแห่งจระเข้กินคน” อันดับที่

4 Yungas Road


เอาอีกละ ไม่ไปมันจะตายมั้ยนั่นถนนยุงกัส(Yungas Road) เป็นภาษาท้องถิ่นมีความหมายว่า ถนนแห่งความตายเป็นถนน เส้นทางสายมรณะ อยู่ในตะวันออกเฉียงเหนือของลาปาซ(La Paz) ประเทศโบลิเวียและได้ถูกบันทึกว่าเป็นถนนที่อันตรายสุดขีดสำหรับนักขับขี่ในโลกอดีตถนนสายนี้สร้างโดยนักโทษชาวปารากวัยในระหว่างสงครามโบลิเวีย-ปารากวัยใน ปี 1932-35เพื่อใช้เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างตอน เหนือของประเทศ ถนนมีความยาวทั้งหมด 70 กิโลเมตรจากเมือง ลาปาซถึงเมือง Coroico ทางโค้งสุดแคบยาว เกือบ 3,600 เมตร โดยที่ข้างๆ เป็นเหวลึก 800 เมตร รอรับรถที่พลาดท่าอยู่!แต่ละปีจะมีคนเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตเพราะถนนเส้นนี้ 100-200 รายสาเหตุที่ตายเยอะเนื่องจากถนนที่กว้างแค่ช่องทางเดียวเลนเดียว(กว้างไม่เกิน 3.2 เมตร)และไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ และ ลดระดับลงอย่างรวดเร็วอีกทั้งยังมีการเปลี่ยนสภาพภูมิอากาศจากหนาวเป็นร้อนชื้นอย่างฉับพลันเกิดหมอกในบริเวณนั้น แต่แทนที่จะมีผู้เข็ดขยาดกลับเป็นสิ่งท้าทายให้คนไปเยือนจนถนนสายนี้กลาย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขาดไม่ได้สำหรับนักท่องเที่ยวผู้ไปเยือนประเทศ โบลิเวีย

ในที่สุดอันดับที่ 3 Mud Volcanoes of Azerbaijan นับถอยหลังได้เลย
อะไรกลมๆ???ในฤดูใบไม้ผลิของปี 2001 ภูเขาไฟใต้ทะเลแคสเปี้ยน(Caspian) ที่ติดชายฝั่ง Azeri ของอาเซอร์ไบจานได้เกิดระเบิดขึ้น จำนวนผู้เสียชีวิตไม่มีเพราะมีคำเตือนและอพยพได้ทันเวลาแต่กระนั้นผลลัพท์ที่ได้คือเกิดภูเขาไฟโคลน หรือ "เนินโคลนผุด" ที่แปลว่าโคลนเหลวที่เกิดขณะมีการปะทุของภูเขาไฟเป็น โคลนที่มีรูปร่างคล้ายรูปโดม เกิดจากกระบวนการทางธรณีวิทยา ทำให้ติดไฟง่ายและเกิดก๊าซพิษแต่กระนั้นมันก็สวยงามแปลกตาอย่างมาก และจนได้เป็นรับเลือกเป็นหนึ่ง 28 สถานที่งดงามตามธรรมชาติของโลกที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายเพื่อสรรหา 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งใหม่และอาเซอร์ไบจานได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีโคลนภูเขาไฟเยอะที่สุดในโลก

อันดับที่ 2 The Zone of Alienation มันแปลว่า พื้นที่ของสังคมเอเลี่ยน เหรอ???
เมื่อวันที่ 26 เมษายน ปี 1986 เกิดเหตุการณ์ที่โลกจ้องจารึกเมื่อเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ของโรงไฟฟ้า ในเมืองเชอร์โนบิล(สมัยนั้นยังเป็น ส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต) เกิดการระเบิด ส่งผลให้ให้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 ระเบิดสารกัมมันตรังสีเกือบทั้งหมดแพร่กระจายสู่บรรยากาศ ในรัศมี 30 กิโลเมตรมีการเปรอะเปื้อนรังสีสูงถูกประกาศเป็นเขตอันตราย (Zone of alienation) สารกัมมันตภาพรังสีลอยออกไปปนเปื้อนทั้งใน อากาศ แม่น้ำ ผืนดิน ทั่วทวีปยุโรปกว่า 3.9 ล้าน ตารางกิโลเมตร สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมากนับว่าเป็นหายนะภัยจากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่รุนแรงที่ สุดในโลกแม้ จะผ่านไปเป็นเวลา 21 ปี 2 ทศวรรษหลังของการระเบิดของโรงงานพลังไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์ โนบิลเมืองเชอร์โนบิลยังคงเป็นเมืองร้างและอันตรายที่สุดแห่งหนึ่งของโลกแม้อดีตนั้นจะเป็นเมืองที่มีความเจริญที่จุดเด่นคือเสาชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ ที่เด่นงามสง่าและตึกสูงมากมายแต่จนบัดนี้กลับกลายเป็นซากเหล็กซากปูนที่น่าขนลุกขนพอง เป็น เมืองที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตทุกชนิด บริเวณในรัศมี19 ไมล์รอบ ๆ โรงไฟฟ้าแห่งนี้ก็ยังเป็นบริเวณที่อยู่อาศัยไม่ได้ ซ้ำยังคงมีกัมมันตภาพรังสีหลงเหลืออยู่อีกทั้งของเหลวเป็นพิษและปนเปื้อนในน้ำและอากาศจนไม่สามารถดื่มกินได้

อันดับที่ 1 Ilha de Queimada Grande
ดูไม่มีพิษภัยแต่ทว่าเกาะ Queimada Grande หรือ “เกาะงูคลั่ง”เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเภทบราซิลเป็นเกาะที่ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่และไม่กล้ารุกรานอันเนื่องจากเกาะนี้เต็มไปด้วนงูพิษที่สามารถฉกคุณได้ทุกเวลาหากคุณเข้ามา ยังเกาะแห่งนี้โดยเฉพาะงูพิษพิเศษ Golden Lancehead (Bothrops insularis) pitviperมีพิษรุนแรงมาก พิษของมันรุนแรงมากกว่า งูพิษบนแผ่นดินใหญ่ถึงห้าเท่ากัดทีเดียวตายทันที และ จัดว่าเป็นงูถิ่นเดียวที่มีถิ่นอาศัยอยู่บนเกาะที่เท่านั้นและมีอาศัยอยู่หนาแน่นสูงมาก(จำนวนหนึ่งตัวต่อหนึ่งพื้นที่)ประมาณกันไว้ว่ามีมากกว่า 5,000 ตัวบนเกาะเลยทีเดียว(งูชนิดนี้มีรูปแบบของเพศที่ แปลกคือ มีตัวผู้แท้ มีตัว เมียแท้ และมีกระเทยแท้ )และสถานที่แห่งนี้จัดว่าเป็นสถานที่อันตรายที่ต้องใช้ใบ อนุญาตในการเข้าเท่านั้น

วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

10สถานที่ น่ากลัวของโลก

อันดับ 10 สุสานมัมมี่ ปานาโม อิตาลี (LAS CATACUMBAS DE LOS CAPUCCINOS)
เป็นสุสานใต้ดินเก่าแก่ตั้งอยู่ในใต้อารามนักบวชคาปู ชิน แห่งโบสถ์ฟรานซิสกัน ของคริสต์ศาสนานิกายคาทอลิก ที่เมืองปาร์เลอโม เกาะซิซิลี ที่นี้มีซากมัมมี่กองเต็มไปหมด จะเป็นชุมชนแออัดอยู่แล้ว ถึงขนาดที่บางศพที่มาทีหลัง ไม่มีที่ให้ยืนสบายๆ ต้องถูกแขวนไว้กับตะขอบนผนัง และถ้าเดินเข้าไปก็จะเจอแต่ศพนั่ง.....นอน...... ยืน...... และเดิน เอ๊ย เดินไม่มี บางตัวละยังคงสวมเครื่องแต่งกายเหมือนเมื่อครั้งยังม ีชีวิตด้วย มีมัมมี่เด็กด้วยนะ เป็นผู้หญิงอายุ 8 ขวบชื่อโรซาเลีย ลอมบาร์โด (ROSALIA LOMBARDO) ที่ดองไว้70 - 80 ปีแล้วด้วย หน้าตายัง น่ารักเหมือนคนนอนหลับเลย สถานที่นี้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว(จะมีคนไปเหรอ) จำกัดเวลาครับ อยากไปร้องถามไถ่ดูละกัน

อันดับ 9 อุโมงค์ที่ฝรั่งเศส กรุงปารีส (Pont de L'Alma)

สถานที่เจ้าหญิงไดอาน่าประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2540 และยังคงเป็นปริศนาค้างคาใจคนทั้งโลกว่าอุบัติเหตุหร ือ ถูกฆาตกรรม เพราะในคืนที่เกิดโศกนาฏกรรม มีการเปลี่ยนเส้นทางรถยนต์ไปยังอุโมงค์ Pont de L'Alma อย่างไม่มีเหตุผล ทั้งๆ ที่จุดหมายเดิม คือการเดินทางไปยังอพาร์ตเมนต์ของฝ่ายชาย และทำไมวิทยุสื่อสารของตำรวจในกรุงปารีส ไม่สามารถใช้การได้โดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่รถยนต์ พระที่นั่งของเจ้าหญิงเดินทางเข้าสู่อุโมงค์ จนเกิดเหตุร้ายและไม่สามารถติดต่อสื่อสารเพื่อขอรับก ารช่วยเหลือเพื่อรักษา พระชนม์ชีพของพระองค์ ได้อย่างทันท่วงที เป็นความบังเอิญจริงหรือ?



อันดับ 8 เทือกเขาร็อกกี้ โคโลราโด (Colorado Rockies)
ที่สยองคือภูเขานี้เกิดคดีฆาตกรรมขึ้น เป็นเรื่องของมนุษย์กินคน ที่ไม่ใช่คนป่า ปี 1874 ในฤดูหนาวที่อากาศหนาวจัด คณะนักสำรวจหกคน ได้ขุดอุโมงค์ในหุบเขาโคโลราโด ต่อมาอุโมงค์เกิดถล่ม การสื่อสารถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และต่อมา ฤดูใบไม้ผลิมีเพียงคนเดียวที่มีชีวิตรอด กลับมาจากหุบเขาโคโลราโด อยู่ในสภาพสมบูรณ์แข็งแรงดี เขาคนนี้มีนามว่าอัลเฟร์ด แพคเกอร์ และเมื่อเขาออกมาก็ถูกจับเนื่องจากถูกกล่าวหา ว่ากินเพื่อนของเขาสองคนเพื่อมีชีวิตรอดเพราะอาหารหม ดและเพื่อนก็ตายไปทีละคนทีละคน เขาเลยอดใจไม่ไหวกินเป็นอาหารเสียเลย


อันดับ 7 หมู่เกาะปาปัวนิวกินี (Papua New Guinea)

ปาปัวนิวกินีเป็นเกาะอยู่ทางเหนือ ของทวีปออสเตรเลีย ประกอบด้วยชนเผ่าต่างๆมากกว่า 700 เผ่า แต่ละเผ่าต่างคนต่างอยู่ การเดินทาง ไปมาหาสู่กันลำบากมาก เพราะพื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน และใครอยากเห็นมนุษย์กินคนก็ต้องเข้าไปลึกหน่อยนะ โชคดีอาจไปทันตอน คืนพิธีเฉลิมฉลองชัยชนะ และกินซุปเนื้อมนุษย์ วิธีปรุงอาหารรายการนี้ง่ายมาก นำน้ำใส่หม้อดินขนาดใหญ่ต้มให้เดือด บั่นศพมนุษย์ที่ตายทั้ง สองฝ่ายให้มีขนาดที่จะใส่ในหม้อนั้นได้ใส่ลงในหม้อ นำผักชนิดต่างๆ รวมทั้งมันและเผือกใส่รวมลงไปด้วย ต้มจนสุกและเปื่อยดีแล้วก็ตักออก มากินกัน ส่วนคนที่ยังไม่ตายก็มัดไว้ก่อนและค่อยๆ ฆ่าให้ตาย นำมาปรุงเป็นอาหาร กินเลี้ยงกันในคืนต่อๆ มารองเท้าหนัง ถุงเท้า ตลอดจน เสื้อผ้า ก็ถูกนำมาต้มจนเปื่อย และกินจนหมดสิ้นเช่นเดียวกัน สำหรับหัวกะโหลกเก็บไว้ เป็นเครื่องประดับตามบ้านเรือนสวยงามมาก แต่ปัจจุบันใครไปอาจอดเจอซุปเนื้อคนเพราะตอนนี้เขาเล ิกแล้วเพราะกฎหมายออกมาว่าห้ามกินเนื้อคนไม่ว่าศัตรู หรือนักท่องเที่ยว!



อันดับ 6 โรงงานนรก "ค่ายเอาชวิตซ์" (Auschwitz)

สยองที่สุด ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กับ "ค่ายเอาชวิตซ์" (Auschwitz)ที่ใกล้เมืองเอาชวิตซิน โดยค่ายนี้ สร้างขึ้นเพื่อสังหารชาวยิวด้วยการรมแก๊สพิษและเผาใน เตาเผา โดยมีเหยื่อที่โดนถึง 1 ล้านสองแสนคน จากที่ต่างๆ ทั่วยุโรป จํานวน 22 ล้านคน ไปที่ค่าย โดยขนไปทางรถยนต์ รถไฟ และเรือเดินสมุทร และปัจจุบันสภาพยังเหมือนเดิมทุกประการไม่ว่าเตารมแก ๊ส เตาเผา ค่ายพัก คุก มีกลิ่นแห่งความตายติดมาด้วย พร้อมกับความวังเวง เมื่อท่านไปก็อาจเจอผีชาวยิวที่ไม่ไปเกิดอีก ได้สองเด้ง ปัจจุบันเอาชวิตซ์เป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญ และมีนักท่องเที่ยวสนใจมากที่สุด แห่งหนึ่งของ โปแลนด์ ซึ่งพยายามรักษาสภาพ เอาชวิตซ์ ให้ใกล้เคียง สภาพเดิมให้มากที่สุด


อันดับ 5 ปอมเปอี (Pompei)

ปอมเปอีเมืองเก่าสมัยกลาง ตั้งอยู่บริเวณภาคใต้ของคาบสมุทรอิตาลี ริมอ่าวเนเปิล เมืองนี้เป็นชุมชนขึ้นมาก่อนคริสต์ศักราช โดยอยู่ใต้อิทธิพล ของกรีก ต่อมาราว 80 ปีก่อนคริสตกาลกลายเป็นเมืองตากอากาศฤดูร้อนของชาวโร มันหลังตกเป็นอาณานิคมของอาณาจักรโรมัน กระทั่ง ถูกภูเขาไฟ ระเบิดถล่มทั้งเมือง ตอนนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สยองขวัญมาก เค้าหล่อรูปคนตายในท่าที่ถูกลาวาทับไว้ ก็เลยเป็นสถานที่แสดงท่าหนีตายของ ชาวเมืองไปเพราะปอมเปเอียนและสัตว์เลี้ยงแข็งเป็นหิน คงสภาพเกือบทุกประการ รวมถึงความหวาดกลัวต่อความตายที่ยังตราติดอยู่บนดวงห น้า บางซากนั่งเอามือปิดหน้า บางซากซบอยู่กับกำแพง ปอมเปอีจึงได้อีกชื่อว่า "ซากเมืองแห่งความตาย" ปัจจุบันเมืองโบราณปอมเปอีได้รับการฟื้นฟู องค์การยูเนสโก้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1997


อันดับ 4 คุก และหอคอยลอนดอน (Tower of London)
หอคอยลอนดอน ประเทศอังกฤษ สถานที่เกิดเหตุแห่งประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ยาวนานก ว่า 900 ปี นองเลือด ซับซ้อนซ่อนเงื่อน เคยเป็นป้อมปราการ, ปราสาทราชวัง, คุก แดนประหาร เป็นสถานที่ตัดหัวของแอนน์ โบลีน พระสนมในพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ที่ทุกวันนี้วันดีคืนดียังมีคนเห็นแอนน์ โบลีน ถือหัวและร้องครวญอย่างทรมาน ไม่รวมกับอีกหลายวิญญาณที่ทนทุกข์ทรมานอยู่ในหอคอยแห ่งนี้ซึ่งมักจะส่งเสียงร้องขอชีวิต หรือเสียงลากโซ่ ตรวนให้ผู้คนได้ยินและปรากฎให้เห็นเป็นระยะๆ จึงทำให้ที่นี่ยังคงโด่งดังเรื่องความหลอนตลอดกาล ปัจจุบันหอคอยลอนดอนเป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นกลุ่มอาคา รและหอคอยหลายหลัง ที่เก็บเครื่องมือทรมานและเครื่องมือประหารนักโทษแบบ โหดๆ ของยุคกลาง และมีอีกาดำด้วย ดูแล้วก็น่ากลัวจริงๆแหละ


อันดับ 3 ปราสาทของวลาด ดารคู ทรานซิลวาเนีย โรมาเนีย

ปราสาทที่เป็นแหล่งที่มาของนิยายผีดูดเลือด แดรกคิวล่า ที่ว่าน่ากลัวคือเจ้าชายจอมเสียบ วลาด ดารคูลา ผู้เป็นเจ้าของปราสาท แกชอบจับเอา เหล่าเชลยมาเสียบด้วยไม้แหลมจากก้น จนทะลุขึ้นไปซีกบน แล้วก็เอามานั่งเรียงรายกันไปในบริเวณกว้างๆ เช่นกำแพงเมือง หรือ สนามหญ้าใหญ่ๆ วันไหนครึ้มอกครึ้มใจ เขาก็จะนั่งดินเนอร์ดูการประหารด้วยวิธีนี้เสียตรงนั ้นเลย...................อืมอร่อย ส่วนปราสาท ปัจจุบันยังอยู่ครับ แต่...........มันทำไมอยู่สูงจัง ใครจะไปก็อดทนหน่อยล่ะ ปีนขึ้นไปดูเอง (ล้อเล่น เขาทำบันไดให้ปีนแล้วจ้า)


อันดับ 2 อัลคาแทรซ, ซานฟรานซิสโก (Alcatraz)

นี่คือคุกที่มีชื่อเสียงที่สุดของอเมริกา อัลคาแทรซ (Alcatraz) สถานที่คุมขัง อัลคาโปน เจ้าพ่อชื่อดัง และภายในคุกสยอง วังเวงจริงๆ และได้ฉายา ว่าเดอะร็อก เป็นคุกที่ไม่มีใครแหกสำเร็จ ถึงแม้จะมีนักโทษพยายามใช้ของชิ้นเล็กๆ ตัดซี่กรงเหล็กและแอบว่ายน้ำหนีออกไป แต่ก็ไม่ปรากฏว่า เขามีชีวิตรอดไปได้ นักโทษหลายคนตายในห้องขังที่นี่ ส่วนหนึ่งตายเพราะบาดแผลติดเชื้อ และนี่เองเป็นที่มาของเสียงประหลาดมากมาย เช่น เสียงตัดเหล็ก เสียงปิดประตูห้องขัง เสียงหวีดร้องจากใต้ดิน และความรู้สึกถูกจ้องมอง ปัจจุบันคุกนี้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว สามารถค้างคืนได้ด้วยนะจะบอกให้


อันดับ 1 อนุสรณ์สถานแห่งคิลลิ่ง ฟิลด์(Killing Field)

ใครจะว่าไงไม่รู้ แต่ยกให้สถานที่นี้คือสุดยอดที่สุดแล้ว เพราะมันอยู่ใกล้บ้านเรา กัมพูชาเองจ้า เลิกซะทีเถอะข้ามพรมแดนไปเล่นการพนัน หันมา รู้ประวัติศาสตร์ที่แสนโหดร้ายกันบ้างกับ โดยสถานที่นี้เป็นอนุสรณ์รำลึกความโหดร้ายในยุคเขมรแ ดงที่นำโดยเฮียพอลพต ที่สั่งฆ่าชาวเขมรนับล้าน ศพมากมายนับไม่ถ้วน จนกลายเป็นกะโหลกไร้ญาติ(ไม่สามารถระบุได้ว่าคนตายเป ็นใคร) ได้ถูกนำมารวมไว้ที่นี้ และมีรูปผู้ตายที่นับล้านให้ดูไว้ให้ สงสาร วันดีคืนดีบางคืนอาจได้ยินเสียงกะโหลกร้องระงม ฟังแล้วได้บรรยากาศมาก อีกที่ก็ ตุล สาเลช คุกเถื่อนซึ่งในอดีตเป็นโรงเรียนมัธยม ที่นั้นมีคนมาถูกฆ่าไม่เว้นวันและบางรายถูกนำมาทรมาน เยี่ยงสัตว์ ก่อนตายอย่างสยอง

ทายนิสัยจากผลไม้กันดีกว่า

ทายนิสัยจากผลไม้ (Teenpath)

แอปเปิ้ล
คุณเป็นคนอดทน สู้งาน และมีความรับผิดชอบสูง เมื่อไรก็ตามคุณได้รับมอบหมายงานชิ้นหนึ่งชิ้นใด คุณมักจะทำอย่างสุดความสามารถ ไม่ว่าจะยากลำบากมากแค่ไหน แต่สำหรับเรื่องความรักแล้วกลับตรงกันข้าม คุณเป็นคนที่รักง่าย หน่ายเร็ว ไม่ค่อยอดทนในเรื่องรัก

องุ่น
ไม่บ่อยนักที่คุณจะเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของคุณ แก่คนที่คุณเพิ่งรู้จักครั้งแรก ดังนั้นคุณจะดูไม่น่าสนใจนัก สำหรับคนที่ไม่รู้จักคุณดี แต่ถ้าเป็นเพื่อน ๆ ในกลุ่มของคุณล่ะก็ คุณนับเป็นดาวเด่นเลยล่ะ

กล้วย
คุณเป็นคนขี้ใจน้อย ขี้งอน แต่ไม่ค่อยแสดงออก ภายนอกดูจะเป็นคนเงียบขรึม เข้มแข็ง แต่ภายในแล้วคุณอารมณ์คุณช่างอ่อนไวเหลือเกิน จะเรียกแข็งนอกอ่อนในก็ว่าได้

แตงโม
คุณมีความตื่นตัวกระฉับกระเฉงตลอดเวลา ไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปอย่างไร้ค่า คุณมักจะมองโลกในแง่ดี และไม่ค่อยกังวลเกี่ยวกับ ปัญหาต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามา เนื่องจากคุณมั่นใจว่าปัญหาทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ เมื่อถึงเวลาที่ควร

ชมพู่
คุณเป็นคนที่มีน้ำอดน้ำทนสูง ไม่ชอบขัดใจคนอื่น รักเพื่อนมากกว่าตัวเอง และค่อนข้างที่จะมองโลกในแง่ร้าย

ส้ม
คุณเป็นคนที่เข้ากับคนได้ง่าย ร่าเริงสนุกสนาน ใครชวนไปไหนก็ไป เชื่อคนง่าย รู้เรื่องคนอื่นไปซะหมด แต่เรื่องตัวเองไม่ค่อยรู้

มังคุด
คุณเป็นคนช่างฝัน อารมณ์อ่อนไหว โรแมนติก ตกหลุมรักได้บ่อย ๆ ไม่มีเบื่อ เห็นใครถูกใจก็เก็บเอาไปฝัน แต่ไม่นานก็ลืม พอเจอคนใหม่ก็เป็นอีก เพลงเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เกิดเลย ของนูโว ดูจะเหมาะกับคุณนัก

มะม่วง
คุณเป็นคนชอบความท้าทาย มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ชอบทดลองสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ กับเรื่องความรักก็ไม่เว้น คุณชอบหารักใหม่ ๆ เสมอ หรือเรียกอีกอย่างว่าเจ้าชู้นั่นเอง

สตรอเบอรี่
คุณรักความสบาย ชอบอยู่อย่างหรูหราฟู่ฟ่า ทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวต้องสวย เฉียบ เนียบ เสมอ จัดว่าคุณมีรสนิยมในการแต่งกายไม่ใช่เล่น คุณเป็นคนมองโลกในแง่ดี ชอบเข้าสังคม คุยสนุก และมีอารมณ์ขัน ทำให้เพื่อนในวงสนทนาหัวเราะได้ตลอดเวลา

สับปะรด
คุณเป็นคนที่ช่างเอาอกเอาใจคน คอยเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนของคุณตลอดเวลา หากใครมีเรื่องทุกข์ร้อนขอให้บอก คุณยินดีช่วยเสมอ

ลูกแพร
คุณเป็นคนสุภาพ อ่อนโยน ใจดี และมักจะมองคนที่อยู่รอบข้างคุณในแง่ดีเสมอ ไม่เคยคิดร้ายกับใคร จึงทำให้เป็นที่เคารพ รักใคร่ของผู้คนที่ได้รู้จัก

เงาะ
คุณเป็นคนขี้เล่น อยู่ไม่ค่อยเป็นสุข ชอบแหย่คนโน้นคนนี้ที หากอยู่ในวงสนทนา คุณก็มักจะเป็นตัวโจ๊กประจำวง คอยปล่อยมุขเด็ด ๆ ให้ได้เฮกัน

ทุเรียน
คุณเป็นคนที่มี 2 บุคลิกในตัวเอง อยู่นอกบ้านใคร ๆ ก็มักจะกลัวคุณ แต่เมื่อกลับถึงบ้าน คุณจะกลายเป็นคุณหนูในทันที คุณเป็นคนใจกว้าง เอื้อเฟื้อ ใครมีปัญหามักจะมาขอให้คุณช่วยเสมอ และมักจะเป็นผู้นำในการทำกิจกรรมของกลุ่มเพื่อน

มะพร้าว
คุณออกจะเป็นคนเจ้าสำอาง ไม่ชอบการใช้กำลัง และการทำงานหนัก ไม่ชอบทำงานกลางแจ้ง คุณเหมาะกับงานในออฟฟิศมากกว่า ข้อดีของคุณคือ คุณเป็นคนใจเย็น ประณีต งานที่ใช้ฝีมือน่ะต้องยกให้คุณเลย

ฝรั่ง
คุณเป็นคนที่ค่อนข้างสมบุกสมบัน ลุยไหนลุยกัน ชอบท่องเที่ยวสูดกลิ่นไอธรรมชาติ เป็นคนรักเดียวใจเดียว มั่นคง แต่มักจะโดนหักอกอยู่
บ่อย ๆ

วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์


ประวัติคณะ

การเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ .2475 ส่งผลให้มีการ จัดตั้งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองขึ้นในปี พ . ศ . 2477 นับเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นรูปธรรม ของการจัดการเรียนการสอนวิชารัฐศาสตร์ในประเทศไทยกล่าวคือในสมัยแรกเริ่มนั้นการเรียนการสอนวิชารัฐศาสตร์ได้แทรกปะปนอยู่กับเนื้อหาของหลักสูตรวิชา “ ธรรมศาสตร์ บัณฑิต ” ( ธ . บ .) ในระดับชั้นปริญญาตรีในขณะที่ในระดับชั้นปริญญาโทและระดับชั้นปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยวิชาธรรม ศาสตร์ และการเมืองได้แยกหลักสูตรออกเป็น 3 ทางอย่างชัดเจน ได้แก่ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ และ เศรษฐศาสตร์

ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2491-2492 ภายหลังจากเกิดความผันผวนทางการเมืองอย่างรุนแรงภายหลัง รวมทั้งการที่สภาพแวดล้อมทาง การเมืองระหว่างประเทศได้เปลี่ยนแปลงไป กล่าวได้ว่ามีผลกระทบโดยตรงต่อการจัดการเรียนการสอนของ มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ซึ่งมีความเห็นใน แนวทางเดียวกันว่าการเรียนการสอนในหลักสูตรธรรมศาสตร์บัณฑิตนั้นมีความ “ ไม่เพียงพอ ” ที่จะผลิตบัณฑิตได้ตรงกับหน้าที่การงาน อีกทั้งธรรมศาสตร์บัณฑิต จัดการเรียนการสอนในแบบตลาดวิชา จาก แนวความคิดดังกล่าวข้างต้นประกอบกับการที่มีสภาวะแวดล้อมทางการเมืองทั้งภายในและ ภายนอกประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป ได้ผลักดันให้มีการ ลงมติให้ตรา “ ข้อบังคับเพิ่มเติมว่าด้วยการแบ่งแยกการศึกษาเป็น 4 คณะ และกำหนดสมัยการศึกษาและการสอบไล่ พ.ศ. 2492” ขึ้น ข้อบังคับดังกล่าวมีผลโดยตรงต่อ ระบบการศึกษาของมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง กล่าวคือ ได้มีการจัดตั้ง คณะรัฐศาสตร์ขึ้นเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ . ศ . 2492 ในสมัยแรกเริ่มของคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นั้น คณบดีและคณะ กรรมการร่าง หลักสูตรของคณะรัฐศาสตร์ ได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบหลักสูตรของมหาวิทยาลัยต่างประเทศเป็น จำนวน หลายประเทศ รวมทั้งได้รับความช่วยเหลือในทางวิชาการจากผู้เชี่ยวชาญของมูลนิธิ Fulbright ซึ่ง เดินทางเข้ามาประเทศไทยในช่วงสมัยนั้นด้วย

นับจากวันนั้นตราบจนถึงปัจจุบัน คณะรัฐศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีคณบดีต่อ เนื่องกันรวม 18 คน ต่อมาในปี พ . ศ .2498 เมื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รับความช่วยเหลือในทางวิชาการ โดยตรงจากประเทศสหรัฐอเมริกา ก็มีการเปิดแผนกวิชา รัฐประศาสน ศาสตร์ในระดับชั้นปริญญาโท โดยทำการเรียนการสอนทั้งในระบบภาษาอังกฤษและภาษาไทย เป็นต้น ในปี พ . ศ . 2502 คณะรัฐศาสตร์ ได้มีมติให้จัดตั้งแผนกการทูตในระดับชั้นปริญญาตรีขึ้นเป็นครั้งแรก ( หลังจากที่มีการเรียนการสอนในระดับชั้นปริญญาโทมาเป็นเวลาช้านาน ) รวมทั้งได้มีการจัดตั้ง แผนกบริหารรัฐ กิจ และแผนกรัฐศาสตร์ศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรีเพิ่มเติมขั้นอีกสองแผนก ในช่วงต้นทศวรรษที่ 2510 เมื่อถึงช่วงต้นทศวรรษที่ 2520 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้เปิดการเรียนการสอนทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโทขึ้นรวม 4 แผนก ได้แก่ การปกครอง บริหารรัฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ( หรือแผนกการทูตเดิม ) และปรัชญาการเมืองก่อนที่จะยุบรวมลงเหลือ เพียง 3 แผนก ได้แก่ การเมืองการปกครอง บริหารรัฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ใน สมัยปัจจุบัน นอกจากนี้ นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 2530 เป็นต้นมา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังได้ตระหนักถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจสังคม และระบบการเมืองทั้งภายในและภายนอกประเทศว่าได้ มีการเปลี่ยนแปลงไป คณะรัฐศาสตร์จึงได้มีการเปิดการเรียนการสอนหลักสูตรพิเศษในระดับชั้นปริญญาโทขึ้นรวม 3 แผนก ได้แก่ หลักสูตรปริญญาโท สำหรับผู้บริหาร สาขาบริหารรัฐกิจ (EPA) หลักสูตรปริญญาโท สาขาการปกครอง สำหรับผู้บริหาร (MPE) และหลักสูตรปริญญาโท สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (MIR) ซึ่งจัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งหลักสูตร
จากพัฒนาการของคณะรัฐศาสตร์ดังกล่าวแล้วข้างต้น ทำให้คณะฯ ได้ผลิตบัณฑิตสาขาต่าง ๆ ออกไปมากมาย เพื่อรับใช้ประเทศชาติ


ปรัชญา
คณะรัฐศาสตร์มีปรัชญาในการผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถทางรัฐศาสตร์ ทั้งทางด้านทฤษฎีและการปฏิบัติเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง การบริหารรัฐกิจ และการระหว่างประเทศ ที่เป็นการศึกษาในเชิงสหวิชา และสนับสนุนให้มีการค้นคว้าวิจัยและทดลองปฏิบัติงานในสายวิชาชีพที่เลือกในหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้รู้จักวิธีแสวงหาความรู้ วิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆได้ สามารถประยุกต์ใช้ความรู้ที่ได้เรียนมาให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและสังคมโดยส่วนรวม รวมทั้งเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย

วิสัยทัศน์

“เป็นสถาบันวิชาการชั้นนำทางด้านรัฐศาสตร์ในสาขาการเมืองการปกครอง การบริหารรัฐกิจ และการระหว่างประเทศ โดยการผลิตบัณฑิตและองค์ความรู้ที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศ”


พันธกิจ

1.จัดการเรียนการสอนด้านรัฐศาสตร์ ในสาขาการเมืองการปกครอง การบริหารจัดการงานภาครัฐ และการระหว่างประเทศ ในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ทั้งหลักสูตรภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อผลิตบัณฑิตที่มีความรู้คู่คุณธรรม
2.ส่งเสริมการทำวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ ที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาวิชาการเพื่อประโยชน์ในการจัด การเรียนการสอน และสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาสังคม
3.ให้บริการวิชาการแก่สังคมเพื่อถ่ายทอดความรู้ในหลักวิชาการ โดยสอดแทรกคุณค่าด้านคุณธรรมและจริยธรรมที่ดีงามให้เกิดขึ้นในสังคม
4.ส่งเสริมและสนับสนุนแนวคิด และกิจกรรมเพื่อร่วมทำนุบำรุงสืบสานศิลปวัฒนธรรมอันดีงาม ประเพณีไทยที่ควรอนุรักษ์ รวมถึงการส่งเสริมวัฒนธรรมทางการเมืองไทย โดยมุ่งเน้นให้บัณฑิตยึดมั่นความเป็นธรรม ในสังคม รักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมที่ดีในระบอบประชาธิปไตย


สัญลักษณ์ประจำคณะ
-สัญลักษณ์ คือ สิงห์แดง
-สีประจำคณะ คือ สีดำ
-ต้นไม้ประจำคณะ คือ
ต้นจำปี
-คำขวัญ คือ สามัคคี ประเพณี เป็นพี่น้อง

แนะนำคณะโบราณคดี

เกี่ยวกับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร

ประวัติความเป็นมา
มหาวิทยาลัยศิลปากรได้ตั้งคณะโบราณคดีขึ้นเป็นคณะวิชาที่ 3 ของมหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2498 โดยมีจุดมุ่งหมายหลักให้เป็นคณะวิชาที่ผลิตครูอาจารย์และนักโบราณคดีรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับงานโบราณคดี เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในกองโบราณคดีของกรมศิลปากรหรืองานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ การอนุรักษ์ โบราณวัตถุโบราณสถานของประเทศ หลักสูตรและการเรียนการสอนในคณะโบราณคดีระยะแรกสุดนั้น เป็นหลักสูตรอนุปริญญา 3 ปีที่เน้นด้านการผลิต นักวิชาการสาขาโบราณคดีเท่านั้นจึงมีการปรับปรุง อย่างต่อเนื่อง มาโดยตลอด

ปรัชญา
"ศึกษามนุษย์ ขุดค้นก้าวหน้า ภาษาเชี่ยวชาญ สืบสานศิลปวัฒนธรรม"

ปณิธาน
-ผลิตบัณฑิตในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกที่เป็นที่ยอมรับว่าเป็นผู้ที่มีทักษะในการทำงานในสาขาวิชาที่เรียน ควบคู่กับการเป็นผู้รอบรู้ที่มีคุณธรรมซึ่งพร้อมที่จะเสียสละประโยชน์ตนเองเพื่อส่วนรวม
-มีระบบฐานข้อมูลขององค์ความรู้ด้านศิลปะและวัฒนธรรมไทยทั้งสมัยอดีตและปัจจุบัน ที่เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ และสามารถให้บริการแก่ประชาคม ทั้งภายในและภายนอกคณะโบราณคดีได้อย่างสะดวกและรวดเร็วทำให้สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุดต่อวิชาการหลากหลายสาขาทั้งด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ศิลปะ และวิทยาศาสตร์
-ผลิตงานวิชาการสาขาต่างๆ ในหลายลักษณะออกเผยแพร่อย่างสม่ำเสมอเพื่อส่งเสริมการพัฒนาการศึกษาของประเทศไทย
-ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมไทยและให้บริการวิชาการแก่สังคม
-เผยแพร่ความรู้แก่สังคมอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากประชาคมทั้งภายในและภายนอกว่าเป็นสถาบันการศึกษาที่ทรงคุณค่าของประเทศ และสร้างประโยชน์สูงมากให้ประเทศไทย


หลักสูตรการศึกษา

ระดับปริญญาบัณฑิต
หลักสูตรการศึกษาระดับปริญญาบัณฑิตที่ใช้ในปัจจุบันมี 2 หลักสูตร คือหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิ ต พ.ศ.2536ผู้ที่สำเร็จการศึกษาทุกสาขาวิชาเอกของคณะโบราณคดีตามหลักสูตรนี้ ต้องสอบได้ไม่น้อยกว่า 140 หน่วยกิต และหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต พ.ศ.2546 ได้เริ่มใช้กับนักศึกษาที่เข้าศึกษาตั้งแต่ปีการศึกษา 2546ผู้สำเร็จการศึกษาทุกสาขาวิชาเอกต้องสอบได้ไม่น้อยกว่า 144 หน่วยกิต

การศึกษาระดับปริญญาบัณฑิตของคณะโบราณคดี จำนวน 7 สาขาวิชาเอก คือ
-หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเอกโบราณคดี
-หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเอกประวัติศาสตร์ศิลปะ
-หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเอกมานุษยวิทยา
-หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเอกภาษาไทย
-หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเอกภาษาตะวันออก
-หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเอกภาษาอังกฤษ
-หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเอกภาษาฝรั่งเศส

และ 11 สาขาวิชาโท คือ
-สาขาวิชาโบราณคดี 8. สาขาวิชาประวัติศาสตร์
-สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ 9. สาขาวิชาพิพิธภัณฑสถานศึกษา
-สาขาวิชามานุษยวิทยา 10. สาขาวิชาภาษาฮินดี
-สาขาวิชาภาษาไทย 11. สาขาวิชาโทมัคคุเทศก์
-สาขาวิชาภาษาตะวันออก
-สาขาวิชาภาษาอังกฤษ
-สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส


ระดับบัณฑิตศึกษา
ระดับประกาศนียบัตรบัณฑิต คือ หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตสาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะไทย

ระดับปริญญามหาบัณฑิต จำนวน 12 หลักสูตร คือ
-หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์
-หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์
-หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ
-หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชามานุษยวิทยา
-หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาจารึกภาษาตะวันออก
-หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาจารึกภาษาไทย
-หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาสันสกฤต
-หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเขมรศึกษา
-หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการจดหมายเหตุและเอกสาร
-หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรทางวัฒนธรรม
-หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาและการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม
-หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศสเพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

ระดับปริญญามหาบัณฑิต (โครงการพิเศษ) จำนวน 5 หลักสูตร คือ
-หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์
-หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ
-หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรทางวัฒนธรรม
-หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาและการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม
-หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศสเพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

ระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต จำนวน 4 หลักสูตร คือ
-หลักสูตรศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาภาษาสันสกฤต
-หลักสูตรศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาภาษาเขมร
-หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์
-หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะไทย