วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

รู้มั้ย! เคี้ยวนาน สุขภาพดี๊ดี



ว่ากันว่า ถ้าเราเวลาเคี้ยวอาหารประมาณ 30 - 50 ครั้งต่อคำ "จะช่วยลดน้ำหนักตัวลงได้" ก็เพราะการกินอาหารที่ช้าลง ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกอิ่มเร็วกว่าปกติ อีกทั้งยังช่วยให้เหงือกแข็งแรง ในขณะที่การเคี้ยวอาหารที่ย่อยยาก มีกากใยสูง หากเคี้ยวไม่ต่ำกว่า 60 - 80 ครั้งต่อคำ จะสามารถป้องกันอาการท้องผูก และยังเป็นการกระตุ้นการทำงานของสมอง ช่วยพัฒนาประสาทสัมผัสให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ หากเราเพิ่มการเคี้ยวให้นานขึ้น เป็น 100 - 200 ครั้งต่อคำ ร่างกายจะสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดี ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหาร และที่สำคัญ ยังช่วยทำให้คุณมีจิตใจเยือกเย็นขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

6 อาหาร เพื่อฟันสวย



นอกจากการแปรงฟัน งดกินอาหารจำพวกของหวานแล้ว 6 อาหารเหล่านี้ คือ อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ฟันแข็งแรงทนทาน
1. แอปเปิ้ล รสหวานลิ้น ไม่เหนียว ช่วยเรียกน้ำลายได้ดี เพราะน้ำลายคือ กลไกธรรมชาติที่ร่างกายใช้ชะล้างเศษอาหารและปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างในปาก
2. แครอท ความกรอบจะช่วยให้เหงือกสะอาดและฟันแข็งแรง ช่วยกำจัดเศษอาหาร มีเส้นใยช่วยให้ปากสะอาด ช่วยเรียกน้ำลาย
3. แครนเบอร์รี่ มีสารประกอบที่สามารถป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเกาะติดฟัน และสกัดกั้นการก่อตัวของคราบจุลินทรีย์
4. กีวี เป็นหนึ่งในสิบของสุดยอดอาหารเพื่อความงาม มีวิตามินซีสูง ช่วยบำรุงฟัน
5. ลูกเกด คืออาหารที่นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยอิลลินอยด์ในชิคาโก สหรัฐอเมริกาพบว่า มีกรดโอเลียโนอิก ซึ่งเป็นสารพฤษเคมีที่การทดลองในห้องแล็ปพบว่า ยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียในช่องปาก โดยกรดโอเลียนิกที่ความเข้มข้น 31 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ช่วยป้องกันแบคทีเรีย เอส.มิวแทนส์ไม่ให้เกาะผิวฟัน และที่ความเข้มข้น 62 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อพอร์ฟีโรโมนาส กิงกิแวลิส อันเป็นตัวการสำคัญของโรคเหงือกอักเสบ
6. วาซาบิ ซึ่งจากผลการวิจัยเบื้องต้นพบว่า วาซาบิมีสารไอโซธิโอเซียเนต ซึ่งยับยั้งการเติบโตของเชื้อ เอส.มิวแทนส์

"ช็อกโกแลต" ดำดำ ขมขม ดีต่อสุขภาพ



สาวๆ คนไหนที่ชอบทาน ช็อกโกแลตฟังทางนี้เลยค่ะ...ว่ากันว่า "กินช็อกโกแลตจะทำให้มีความสุข" แต่คุณประโยชน์ของเจ้าช็อกโกแลตไม่ได้มีเท่านั้น...

นักวิจัยชาวสเปนแจ้งว่า การกินดาร์กช็อกโกแลตเป็นผลดีต่อสุขภาพ จนอาจกลายมาเป็นยารักษาโรคตับแข็งอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคตได้ เพราะเมื่อดูจากผลการทดลองโดยให้ผู้ป่วยโรคตับแข็งระยะสุดท้ายรับประทาน "ดาร์กช็อกโกแลต" เป็นประจำหลังอาหารก็พบว่า หลอดเลือดที่เสื่อมสภาพในเซลล์ตับถูกฟื้นฟูและขยายตัวขึ้นทั้งนี้เป็นเพราะในผลโกโก้ที่นำมาผลิตช็อกโกแลตนั้น มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด จึงสามารถช่วยทำความสะอาดและขยายหลอดเลือดนั่นเอง

วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554

องค์พระปฐมเจดีย์



สถานที่ตั้ง

ตั้งอยู่ ณ วัดพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม


ประวัติความเป็นมา

................องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นปูชนียสถานทางพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย สร้างในสมัย พระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อครั้งพระองค์โปรดให้สมณทูตมาประกาศพุทธศาสนาในดินแดนสุวรรณภูมิ นักปราชญ์ทางโบราณคดี มีความเห็นตรงกันว่าสมณทูตในครั้งนั้นคือ พระโสณเถระ และพระอุตรเถระ คณะ สมณทูตได้เดินทางมาถึงเมืองถมทอง หรือนครปฐม เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๕ การเผยแพร่พระพุทธศาสนาได้ดำเนิน ตลอดมาโดย มีกษัตริย์ที่ปกครองดินแดนในสุวรรณภูมิ ยอมรับพระพุทธศาสนาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต จน ถึงปี พ.ศ.๒๔๖ พระโสณเถระได้ให้สร้างวัดขึ้น เป็นแห่งแรกในเขตสุวรรณภูมิ ที่เมืองถมทองนี้ ต่อมาได้มีการ สร้างพระสถูปเจดีย์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อปี พ.ศ. ๒๖๕ พระภูริยเถระผู้ทำนิมิตพัทธสีมาตั้งชื่อวัดว่า "วัดพุทธบรมธาตุ" ซึ่งถือว่าเป็นวัดแรกและพระเจดีย์องค์แรกของพระพุทธศาสนาในดินแดนแถบนี้ พระปฐมเจดีย์นี้เดิมเป็นสถูปรูปบาตรคว่ำ แบบสัญจิเจดีย์ในประเทศอินเดีย

................. การบูรณะปฏิสังขรณ์พระสถูปเจดีย์ได้กระทำอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา จนถึงสมัยสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระองค์โปรดให้วัดขนาดขององค์พระเจดีย์ รวมความสูง ๔๐ วา ๒ ศอก ต่อมา ครั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จธุดงค์มานมัสการพระเจดีย์นี้ และเมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์ ก็ได้โปรดให้ปฏิสังขรณ์ก่อพระเจดีย์ใหม่ห่อหุ้มองค์เดิมไว้ เมื่อ พ.ศ.๒๓๙๖ มีขนาดสูง ๑๒๐ เมตร ๔๕ เซนติเมตร มีลักษณะเป็นพระเจดีย์รูประฆังคว่ำปากผาย โครงสร้างเป็นไม้ซุง ก่ออิฐถือปูนประดับด้วย กระเบื้องมีพระวิหารทั้งสี่ทิศ เชื่อมต่อด้วยคตพระระเบียง การก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ แล้วพระราชทานนามว่า "พระปฐมเจดีย์" พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาทรงยกยอดพระมหามงกุฎของพระปฐมเจดีย์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๓ และต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรด ให้มีการซ่อมพระวิหารหลวง เขียนภาพตัดขวางให้เห็นพระปฐมเจดีย์องค์เดิม ซ่อมพระวิหารด้านทิศเหนือ และอัญเชิญพระร่วงโรจนฤทธิ์ มาประดิษฐานในพระวิหารด้านทิศเหนือนี้ การบูรณะปฏิสังขรณ์ พระปฐมเจดีย์ได้ กระทำอย่างต่อเนื่อง และจริงจังในสมัยรัชกาลปัจจุบัน โดยใช้หลักวิทยาการสมัยใหม่ เพื่ออนุรักษ์พระปฐมเจดีย์นี้ให้มั่นคงถาวรอยู่คู่ฟ้าเมืองไทยตลอดไป


ลักษณะทั่วไป

..................มีลักษณะเป็นพระเจดีย์รูประฆังคว่ำปากผาย ขนาดสูง ๑๒๐ เมตร ๔๕ เซนติเมตร โครงสร้างเป็น ไม้ซุง ก่ออิฐถือปูนประดับด้วยกระเบื้องมีพระวิหารทั้งสี่ทิศ เชื่อมต่อด้วยคตพระระเบียง


ความสัมพันธ์กับชุมชน

๑. องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นพระมหาสถูปเจดีย์ที่สำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทยแสดง ให้เห็นถึงการเผยแผ่ และการตั้งมั่นของพระพุทธศาสนา ในดินแดนนี้
๒. องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นสถาปัตยกรรมไทยที่วิวัฒนาการรูปแบบมาจากรูปลักษณ์เดิม สมัยพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช และเจดีย์ยอดพระปรางค์ในสมัยขอมเรืองอำนาจ ปัจจุบันเป็นผลงานรวมของศิลปกรรมไทย ที่มีเอกลักษณ์ไทยโดดเด่น ทั้งทางด้านสถาปัตยกรรม และประติมากรรม วิศวกรรม และจิตรกรรม๓. องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นเจดีย์ทางพุทธศาสนาที่สูงที่สุดในโลก สูงกว่าพระเจดีย์ชะเวดากองในประเทศพม่า
๔. องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่ง คณะสมณทูตได้รับพระราชทานมาจากพระเจ้าอโศก ตั้งแต่ครั้งเดินทางมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็น ครั้งแรกในดินแดนสุวรรณภูมิ
๕. องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นที่รวมของศิลปวัตถุ และหลักฐานสำคัญทางพุทธศาสนาเป็นอันมาก เป็นต้นว่าวิหารทั้งสี่ พระพุทธรูปปางต่าง ๆ วิหารคต จารึกพระธรรมคำสอนเป็นอักษรขอม พระพุทธรูป ศิลาขาว จิตรกรรมฝาผนัง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ เป็นต้น ที่สำคัญยิ่งอย่างหนึ่งก็คือ พระร่วงโรจนฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติ ที่มีขนาดสูงถึง ๑๒ ศอก ๔ นิ้ว นับเป็นพระพุทธรูปที่ สวยงามอย่างยิ่ง และได้รับการเคารพนับถือ จากพุทธศาสนิกชนทั่วไป
๖. องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนทั้งประเทศ โดยเฉพาะชาว จังหวัด นครปฐม องค์พระปฐมเจดีย์นั้นถือเป็นศูนย์รวมกิจกรรมทุกชนิด ของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ไม่ว่าจะ เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับการเมือง การปกครอง ศาสนา การศึกษา และพาณิชยกรรม ก็ล้วนถือเอาองค์พระปฐมเจดีย์เป็นศูนย์กลางทั้งสิ้น


เส้นทางเข้าสู่พระปฐมเจดีย์

................ปัจจุบันการเดินทางไปนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ เป็นไปโดยสะดวก จากกรุงเทพฯ สามารถไปได้ ๒ ทาง คือทางรถไฟ และรถยนต์ทางรถไฟ โดยสารรถไฟ จากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ หรือ สถานีรถไฟบางกอกน้อย มาลงที่สถานีรถไฟนครปฐม ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๑ ชั่วโมงเศษ

ทางรถยนต์ จากกรุงเทพฯ มาตามเส้นทางถนนเพชรเกษม หรือ ถนนปิ่นเกล้า- นครชัยศรี ใช้เวลาเดิน ทางประมาณ ๑ ชั่วโมง

วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

ชะลอวัยด้วย "ผลไม้ทั้ง 7"

วันนี้ ขอเสนอเคล็ดลับที่จะช่วยให้สุขภาพพลานามัยของคุณสาวๆ ดีขึ้นด้วย "ผักผลไม้ทั้ง 7 ชนิด" ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีสารที่เป็นประโยชน์แก่คุณหญิงทุกวัย ช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งงดงาม และยังช่วยชะลอความชราได้อีกด้วยนะคะ

1. ลูกพรุน เป็นแหล่งที่ดีของโปแตสเซียม เหล็กและไฟเบอร์ที่สำคัญพรุน ช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด ผู้หญิงเราเมื่อผ่านช่วงสดใสของชีวิต คือ "วัยยี่สิบห้า ร่างกายก็จะเริ่มเสื่อมโทรม" ไขมันเริ่มเข้าสะสมตามที่ต่างๆ มากมายใบหน้าที่เคยอวบอิ่มด้วยเลือดฝาด ก็เริ่มหมองคล้ำผิวพรรณจะเป็นสีชมพูระเรื่อหรือซีดโทรม เกิดได้หลายสาเหตุ เช่นผิวมีความหนามากขึ้นตามวัย จนมองไม่เห็น เลือดฝาด คือ เป็นโรคโลหิตจางนั่นเอง "พรุน" เป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดี พรุนแห้งหนึ่งขีดมีธาตุเหล็ก 2.78 มิลลิกรัมและมีวิตามิน ซี ซึ่งช่วยในการดูดซึมธาตุต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นหากคุณผู้หญิงอยากมีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ริมฝีปากแดงสดเหมือนกับสตรอเบอรี่ แก้มแดงใสเหมือนลูกเชอรี่ โดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอางดู เป็นคนที่มีสุขภาพดีสมบูรณ์ด้วยเลือดฝาด ลองรับประทานลูกพรุนสดๆ หรือลูกพลัมดูสิค่ะไม่เลวเลยทีเดียว



2. ถั่ว ผู้หญิงทุกคนอยากมีหุ่นสวยเพรียว ไม่มีไขมันส่วนเกินสะสม ถั่ว...ช่วยคุณได้ค่ะ "ถั่ว" เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เหล็ก วิตามินบี นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบว่า เมื่อคุณรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ ชนิดที่ละลายน้ำได้ (ซึ่งถั่วมีอยู่แล้วมากมาย) ไฟเบอร์จะเคลือบผิวกระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนานความอยากอาหารจะลดลง ซึ่งแน่นอนว่ามีประโยชน์กับคุณสุภาพสตรี ที่ต้องการลดความอ้วนเป็นอย่างมาก






3. บรอคโคลี่ เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับคุณสุภาพสตรีทั้งหลาย เพราะบรอคโคลี่เป็นแหล่งซีลีเนียมตามธรรมชาติ ซึ่งเจ้าตัวซีลีเนียมนี้แหละค่ะ ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ (ซีลีเนียม จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง จึงทำให้ผิวดูอ่อนวัยนุ่มนิ่ม มีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาว ) แถมยังช่วยลบริ้วรอยเหี่ยวย่นอีกด้วยนะคะ
4. แอปเปิ้ล มีสารสำคัญ คือ "เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ" ที่ชื่อ “เพคติน” แต่ที่น่าสนใจสำคัญคุณผู้หญิงทั้งหลายคือ เจ้าตัว “เพคติน” นี้ที่มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดโคเลสเตอรอลหากคุณหิวจนตาลาย แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหารแอปเปิ้ลสักลูก จะช่วยลดความหิวได้ เพราะแอปเปิ้ลมีแป้งและน้ำตาล ในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75 % ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึม น้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็ว และนำไปใช้ประโยชน์ได้ ในเวลาไม่เกิน 10 นาที ดังนั้น ความอยากอาหารจึงลดลงทำให้คุณไม่รู้สึกหงุดหงิด หรือ อ่อนเพลีย แอปเปิ้ล 2-3 ผลต่อวัน ช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้ เพราะแอปเปิ้ลมีเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ผลจากการวิจัยชี้ว่า เมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมัน และแยกโคเลสเตอรอลออกมาเสร็จสิ้นแล้ว เพคตินจากแอปเปิ้ล จะไปคอยดักจับโคเลสเตอรอลเหล่านั้น และพาไปทิ้งก่อนที่จะถูกดูดกลับเข้าร่างกาย







5. กล้วยไข่ ไม่ว่ากล้วยชนิดไหนๆ ก็ดีต่อสุขภาพทั้งนั้นแหละค่ะ แต่...! กล้วยไข่ดีเป็นพิเศษ ในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระที่เรารู้จักกันดี คือ เบต้าแคโรทีนโดยธรรมชาติ เมื่อเราอายุพ้นยี่สิบสองไปแล้ว ความเจริญเติบโตของร่างกาย จะเริ่มหยุดชะงัก ความเสื่อมในส่วนต่างๆ ของร่างกายก็จะเริ่มมาเยือนอย่างช้าๆ ขณะนั้นเองมีสองสิ่งที่สำคัญเกิดขี้นในร่างกายของเรา ซึ่งก็คือ สิ่งแรก เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์จะผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้น สิ่งที่สองความสามารถในการซ่อมแซม ส่วนที่สึกหรอของร่างกายจะลดลงเรื่อยๆ พร้อมกันนั้นความสามารถ ในการจำกัดอนุมูลอิสระ ( Detoxification ) ก็ลดลงอย่างน่าตกใจเช่นกัน ดังนั้น กลยุทธ์ที่คุณจะสู้กับความแก่ด้วยตนเอง ก็คือ คุณต้องรับประทานอาหาร ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระให้มาก ซึ่งสารนี้เรารู้จักในชื่อที่ เรียกว่า แอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidants) ซึ่งในกล้วยไข่ 1 ขีด มีสารเบต้าแคโรทีนถึง 492 มิลลิกรัม




6. ฝรั่ง คุณผู้หญิงทั้งหลายทราบหรือไม่คะว่าฝรั่ง 1 ขีดมีวิตามินซีสูงถึง180 มิลลิกรัม วิตามินซี มีบทบาทในการสร้างคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณเต่งตึง ไม่แก่ก่อนวัยวิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเจ้าตัวสารต้านอนุมูลอิสระนี้เอง ที่ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพ ผิวหนังแห้งเหี่ยว เกิดริ้วรอยตีนกาวิตามินซี มีความสำคัญต่อการสร้าง และบำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (ConnectiveTissue) เซลล์นับล้านๆ ตัวเกาะเกี่ยวกันเป็นร่างกายได้ ด้วยเนื้อเยื่อที่เรียกว่า คอลลาเจนมันคือคอลลาเจนตัวเดียวกันกับคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณผู้หญิงทั้งหลายเต่งตึงนั่นเอง และเพราะฝรั่งอุดมไปด้วยวิตามินซีนั่นเอง คุณๆ ทั้งหลายที่อยากคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่ผิวสวยไว้นานๆ น่าจะลองหันมารับประทานฝรั่งเป็นประจำนะคะ




7. ส้ม แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรมชาติ การรับประทานส้มโดยไม่คายกาก จะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว เป็นประโยชน์สำหรับ คนที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ หากรู้สึกหิวก่อนเวลา แทนที่จะนึกถึงเค้กก้อนโต หรือโดนัทชิ้นใหญ่ ให้ลองหยิบส้มสักลูกเข้าปากแทน จะได้ประโยชน์มากกว่าในราคาที่ถูกกว่าด้วยนะคะ

วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554

วิธีง่ายๆ ที่จะทำให้ผมที่ไม่ได้สระดูไม่มัน


Q : ผมของฉันเป็นมันเยิ้มง่าย และเบื่อที่จะต้องสระผมทุกวัน แต่ก็ไม่อยากให้เส้นผมดูมันแผลบด้วย ทำยังไงดีคะ?
A : นี่คือเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องสระผมทุกวัน แถมยังเหมาะสำหรับวันตื่นสาย ที่ไม่มีเวลาจะสระผมและไดร์ผมด้วย

- สระผมเฉพาะบริเวณด้านหน้า โดยรวบผมส่วนที่เหลือไปมัดเป็นหางม้าด้านหลัง จากนั้นก็สวมหมวกคลุมอาบน้ำเอาไว้ โดยปล่อยให้เส้นผมส่วนหน้าหลุดออกมา เส้นผมที่ดูสะอาดสะอ้านทางด้านหน้าจะช่วยทำให้เส้นผมส่วนที่เหลือดูเป็นมันน้อยลงได้
-ฉีดสเปรย์แต่งผมลงบนเส้นผมส่วนที่เหลือเล็กน้อย รอให้แห้งซักพักแล้วใช้แปรงๆ ผมให้ทั่ว ส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์จะช่วยดูดซับความมันและสิ่งสกปรกเอาไว้ เวลาที่คุณแปรงผมความมันพวกนั้นก็จะหลุดออกไป
- โรยแป้งเด็กลงบนเส้นผมให้ทั่ว วิธีนี้จะช่วยดูดซับความมันบนหนังศีรษะและเส้นผมได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะทำให้เส้นผมดูขาวโพลนได้ ฉะนั้น คุณจึงควรใช้แปรงๆ ผมให้สะอาดอีกรอบ
-ขั้นตอนสุดท้าย ก็คือรวบผมไปมัดเป็นหางม้าแน่นๆ หรือจะใช้ผ้าโพกศีรษะให้ดูเก๋ไก๋ก็ได้

อยากติดไหมขนตาปลอม แบบยาวไหม

สาวๆ หลายคนมีขนตาสั้น-ยาว ไม่เท่ากัน บางคนใช้หลากหลายวิธีที่จะทำให้ดวงตาคู่สวยนั้นโดดเด่นด้วยขนตางอนงาม บางคนก็ดัดขนตาถาวร บางคนก็ติดขนตาปลอมเอาหลายแบบว่ากันไป แล้วถ้าเป็นขนตาปลอมแบบนี้ล่ะ คุณสาวๆ อยากจะต่อเพิ่มกันไหมคะ...