วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

BURAPHA UNIVERSITY

คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์

คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ พัฒนามาจากคณะวิชามนุษยธรรมศึกษาและสังคมศาสตร์ วิทยาลัยวิชาการศึกษา บางแสน จังหวัดชลบุรี ซึ่งก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2498 เป็นสถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกในภูมิภาคของประเทศไทย สังกัดกรมการฝึกหัดครู กระทรวงศึกษาธิการ ทำหน้าที่ผลิตบัณฑิตสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ (กศ.บ.) วิชาเอกสังคมศึกษา ภูมิศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และศิลปศึกษา ต่อมาใน พ.ศ. 2517 วิทยาลัยวิชาการศึกษาได้ยกฐานะขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คณะวิชามนุษยธรรมศึกษาและสังคมศาสตร์ จึงแยกออกจากกันเป็น 2 คณะ คือ คณะมนุษยศาสตร์และคณะสังคมศาสตร์ ในมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน

ใน พ.ศ. 2533 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน ได้ยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยเอกเทศโดยสมบูรณ์ชื่อมหาวิทยาลัยบูรพา คณะมนุษยศาสตร์และคณะสังคมศาสตร์ได้รวมเป็นคณะเดียวกันชื่อ "คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์" ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยบูรพา พ.ศ. 2533
อนึ่ง ตั้งแต่ พ.ศ. 2532 ภาควิชาศิลปะและวัฒนธรรม และภาควิชาดุริยางคศาสตร์ ได้เสนอโครงการจัดตั้งคณะศิลปกรรมศาสตร์ผ่านทบวงมหาวิทยาลัย และในที่สุดคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ ให้จัดตั้งคณะศิลปกรรมศาสตร์ได้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2538 ภาควิชาทั้งสองจึงแยกไปสังกัดในคณะศิลปกรรมศาสตร์

การดำเนินงานของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ในระยะเริ่มแรกใช้ "ตึกสังคมศาสตร์" ซึ่งเป็นอาคารเก่าตั้งแต่สมัยเป็นวิทยาลัยวิชาการศึกษา เป็นที่ตั้งสำนักงานเลขานุการคณะและสำนักงานฝ่ายบริหาร รวมทั้งสำนักงานของภาควิชาทางด้านสังคมศาสตร์เดิมทั้งหมด ส่วนสำนักงานของภาควิชาทางมนุษยศาสตร์ใช้อาคารเดิมคือ "ตึกมนุษยศาสตร์" ต่อมาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2535 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ได้รับงบประมาณก่อสร้างอาคารใหม่ให้เป็นที่ทำการของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์และเป็นอาคารเรียนรวมด้วย ในวงเงินงบประมาณ 195 ล้านบาท โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณผูกพันในการก่อสร้างเป็นเวลา 4 ปี การก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2537 หน่วยงานในสังกัดคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ทั้งหมดจึงได้ย้ายมาอยู่ที่อาคารใหม่ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2537 เป็นต้นมา ในปีเดียวกันนี้เป็นวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา มหาวิทยาลัยจึงขอพระราชทานนามอาคารเพื่อเป็นสิริมงคล และได้รับพระราชทานนามว่า "60 พรรษามหาราชินี" (อาคาร 2) นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดอาคารเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2538 นับเป็นสิริมงคลยิ่งแก่อาจารย์ ข้าราชการ และนิสิตของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

10 อันดับ ผักผลไม้ยอดฮิต ที่มีสารปนเปื้อน

ข้อมูล จาก The Environmental Working Group (EWG) หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมในอเมริกา ที่ใช้เวลากว่าทศวรรษในการเก็บข้อมูลผักและผลไม้ยอดฮิตซึ่งมีอัตราการปนเปื้อนสารเคมีสูงสุด ได้ผลดังนี้


1. แอปเปิ้ล



2. บลูเบอร์รี่




3. เซเลอรี่


4. องุ่น


5. เนกทารีน


6. ลูกพีช


7. สตรอเบอร์รี่


8. พริกหยวก


9. มันฝรั่ง


10. ผักโขม

จะเห็นได้ว่าผักและผลไม้ทั้งสิบมีลักษณะเด่นคือ ถ้าไม่กินสดทั้งเปลือกก็มีเปลือกบาง จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ดูดซับสารเคมีได้มากจนติดท็อปเท็นนั่นเอง

ผัก และผลไม้ทั้งสิบ เป็นสิ่งที่พบได้ในมื้ออาหารแทบจะทุกวัน ต่างมีรสชาติอร่อยและคุณประโยชน์มากโข จะเลิกกินก็หาใช่ทางออกที่ถูกต้อง เมื่อรู้ดังนี้แล้ว สิ่งที่ควรระลึกเสมอคือ ควรล้างให้สะอาดก่อนกินเสมอ หรืออีกทางหนึ่งคือเลือกซื้อผักผลไม้ออร์แกนิกส์ จะช่วยลดความเสี่ยงสารพิษตกค้างได้เยอะเลย

วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

10 อันดับ สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปประเทศกรีซ

สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเอเธนส์ได้ประสานขอข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าส่งออกของไทย 10 อันดับแรกจากสำนักงานสถิติแห่งชาติกรีซ พบว่า มูลค่าสินค้าส่งออกดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุกรายการ และถือเป็นครั้งแรกที่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลติดอันดับ 1 ใน 10 ของสินค้าส่งออกของไทยไปกรีซในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มและศักยภาพของประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญของภูมิภาค

สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปกรีซ 10 อันดับแรกประกอบด้วย

1) รถบรรทุก 101 ล้านยูโร
2) เครื่องปรับอากาศ 40 ล้านยูโร
3) รถจักรยานยนต์และอะไหล่ 21 ล้านยูโร
4) รถยนต์นั่งส่วนบุคคล 19 ล้านยูโร
5) ตู้เย็น/ตู้แช่แข็ง 10 ล้านยูโร
6) เครื่องประดับทอง-เงิน 9 ล้านยูโร
7) เม็ดพลาสติก 6 ล้านยูโร
8) ปลากระป๋อง 6 ล้านยูโร
9) แผ่นเหล็ก/เหล็กกล้ารีด 4 ล้านยูโร
10) ยางนอกชนิดอัดลม 3 ล้านยูโร

วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2555

Migraine



Migraines are severe headaches that may be accompanied by nausea, vomiting and sensitivity to light and sound.

The U.S. National Women's Health Information Center offers these suggestions for what to do as soon as migraine symptoms begin:

1. Promptly take migraine medication that your doctor has prescribed.

2. Drink plenty of fluids, as long as you don't feel nauseated.

3. Lie down and relax in a room that's quiet and dark.

4. Drape a cool cloth across your forehead.

5. Gently massage the area of your head that's painful.

วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555

15 นาที เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า



คุณสาวๆ ทราบมั้ยคะว่า การออกกำลังกายวันละ 15 นาที สามารถช่วยทำให้อายุของคนเรายาวนานเพิ่มขึ้นถึง 3 ปี แต่ถ้าหากว่าคุณสาวๆ มีเวลาเร่งรีบอยู่ตลอด อาจใช้วิธีลัดวิธีอื่นได้ค่ะ

วิธีลับสมอง ด้วยการทำโยคะแบบง่ายๆ เริ่มจากการยืนบนขาเพียงขาเดียว แล้วยกแขนอีกข้างกับขาขึ้นเหนือศรีษะ พร้อมกับหลับตา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง นักจิตวิทยาแห่งสถาบันประสาทที่ Trinity Collage ในเมืองดับลินพบว่า คนเราสามารถลดอาการขี้หลงขี้ลืมด้วยการออกกำลังกาย และหมั่นลับสมองบ่อยๆ

กินปลามากขึ้น ใครๆ ก็รู้ดีว่า กรดไขมันโอเมก้า 3 ในอาหารทะเลและปลาน้ำลึก เป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อสมอง สุขภาพหัวใจ และระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ การกินปลาหลายครั้งใน 1 สัปดาห์ ยังช่วยลดการเสี่ยงของโรคเครียดและช่วยป้องกันจอประสาทนัยน์ตาเสื่อมเมื่อมีอายุมากขึ้น อันเป็นสาเหตุของการสุญเสียการมองเห็นได้ แต่ถ้าคุณไม่ชอบกินปลา ลองอาหารเสริมที่มีส่วมผสมของ EPA/DHA วันละ 450-500 มก.

อาบแดดบ้าง ออกไปรับแสงแดดวันละ 15 นาที จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินดี เพื่อให้กระดูก ระบบไหลเวียนโลหิต การทำงานของเซลล์ และกล้ามเนื้อดีขึ้น แต่ถ้าคุณไม่ค่อยมีโอกาสได้ออกแดด ลองใช้อาหารเสริม Vitabiotics Ultra-D3 (ภายใน 1 เม็ด บรรจุวิตามิน D3 25 mcg./1000 IU)

ข้าวโอ๊ตต้ม ข้าวโอ๊ตต้มจะช่วยลดคอลเลสเตอรอล และทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ ทำให้อิ่มท้องและเป็นอาหารที่เหมาะมากสำหับฤดูหนาว ควรเลือกข้าวโอ๊ตแบบดั้งเดิม อย่าใช้ชนิดปรุงสำเร็จ เพราะมีการเติมน้ำตาลลงไป

ดื่มน้ำมะเขือเทศ ในน้ำมะเขือเทศอุดมไปด้วยสารไลโคปีน ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนต์อย่างดี และยังมีกรดน้อยกว่า น้ำผลไม้ทั่วไป ที่อาจทำลายฟันของคุณได้

ตรวจชีพจรตัวเอง วิธีการตรวจชีพจรตัวเองแบบง่ายๆ แค่ทาบนิ้วชี้หรือนิ้วโป้ง พร้อมกับนิ้วกลางที่ด้านในของข้อมือ กดเบาๆ นับไป 60 วินาที หรือนับ 30 วินาที แล้ว คุณด้วย 2 อัตราการเต้นของหัวใจของคนทั่วไปอยู่ระหว่าง 60-100 ครั้ง ต่อนาที ยิ่งร่างกายคุณแข็งแรงมากเท่าไหร่ อัตรการเต้นของหัวใจจะยิ่งน้อยลง

ยืดเส้นยืดสาย “หลังของคนเราถูกสร้างมาเพื่อ เคลื่อนไหวได้ 6 ทิศทาง” แกรี่ เทรนเนอร์ นักกายภาพและผู้เชี่ยวชาญด้านฝั่งเข็มจากลอนดอนกล่าว “การเคลื่อนไปด้านหน้า หลัง หมุนซ้าย หมุนขวา เอนไปทางซ้าย และเอนไปทางขวา วิธีป้องกันอาการปวดหลังก็คือ ยืดเส้นยืดสาย ไปทั้ง 6 ทิศ อย่างน้อยวันละครั้ง

เป็นยังไงกันบ้างคะ วิธีง่ายๆ ที่จะสามารถช่วยทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นได้ แถมยังช่วยทำให้คุณดูอ่อนกว่าวัยได้อีกด้วยนะคะ ลองนำไปทำตามกันดูนะคะ

ชาเขียว พร้อมดื่ม อันตรายใกล้ตัว


สาวๆหลายคน คงมี เครื่องดื่ม ที่โปรดปรานกันอยู่ใช่มั้ยคะ แล้วเครื่องดื่มแบบไหนกันบ้างเอ่ย ที่คุณสาวๆ เลือกหยิบขึ้นมาดื่มบ่อยมากที่สุด อย่าเพิ่งรีบร้อนค่ะ วางเครื่องดื่มสุดโปรดของคุณลงก่อน แล้วมาดูผลการสำรวจปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มที่ขายตามท้องตลาดทั่วไปกันก่อนค่ะ แล้วคุณอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้นะคะ

มีผลการสำรวจจาก มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ที่ได้ทำการศึกษาและพบว่า น้ำอัดลม ของหวานโปรดปรานของใครหลายๆ คนนั้น มีปริมาณน้ำตาลโดยเฉลี่ย 13 ช้อนชาต่อ 1 ขวด ยังค่ะยังไม่หมดเพียงแค่น้ำอัดลม เพราะในเครื่องดื่ม ชาเขียวพร้อมดื่ม จำพวกผสมน้ำผึ้ง ก็มีปริมาณน้ำตาลไม่น้อยเลยนะคะ 1 ขวดเฉลี่ยแล้ว 13.75 ช้อนชามากกว่าเครื่องดื่มน้ำอัดลมอีกนะคะเนี่ย ส่วน ชาเขียวพร้อมดื่ม ที่ผสมน้ำตาลจะมีน้ำตาล โดยเฉลี่ย 15.6 ช้อนชา นี่อาจจะเป็นเครื่องดื่มที่ใครหลายๆ คน เลือกดื่มเพื่อดับกระหายกัน

แต่คุณสาวๆ ทราบมั้ยคะว่า ร่างกายของคนเรา ไม่สามารถเผาผลาญปริมาณน้ำตาลได้หมดในทีเดียว เพราะร่างกายของเรา จะเผาผลาญน้ำตาลในร่างกาย เพียงแค่ 6 ช้อนชา ต่อวันเท่านั้นค่ะ

รู้แบบนี้แล้ว ก่อนที่คุณจะเลือกหยิบเครื่องดื่มมาบริโภค ก็ควรใส่ใจสุขภาพ ด้วยการพลิกดูฉลากสินค้า หรือหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีปริมาณคาเฟอีน และน้ำตาลเกินมาตรฐานค่ะ หรือเลือกดื่ม ชาเขียว หรือเครื่องดื่มที่ชงสดๆ ใหม่ๆ ไม่ผสมคาเฟอีนหรือน้ำตาล ในปริมาณที่มากเกินไปจะดีกว่าค่ะ ดูแลร่างกายให้สดชื่นได้ แบบไม่ต้องเสียสุขภาพกันดีกว่านะคะ

วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555

Fraise (fruit)



Histoire
Des fraises des bois.En Europe et en Amérique du Nord, les fruits de l’espèce Fragaria vesca, le fraisier des bois, sont de petite taille. Connus depuis l'Antiquité, les Romains les utilisaient dans leurs produits cosmétiques en raison de leur odeur agréable. Mais les fraises poussent également le long des côtes américaines donnant sur l'Océan Pacifique, d'Alaska au Chili.

Chili, terre des fraises à gros fruits.La fraise est un fruit très répandu dans le monde.

La fraise actuelle, telle que nous la connaissons est le résultat de croisements de fraises sauvages des Amériques. En 1714, l’officier du Génie maritime Amédée-François Frézier revient d’une mission d’espionnage des ports espagnols au Chili et au Pérou pour le Roi soleil. Botaniste à ses heures, il a repéré des fraisiers à gros fruits que l’on cultive au Chili, dits Blanches du Chili (Fragaria chiloensis). Frézier réussit à en rapporter 5 plants stériles qu’il confie à Antoine de Jussieu pour le Jardin royal.

Quelques plantations sont envoyées en Bretagne au jardin botanique de Brest et trouvent dans ce climat océanique, proche de celui de leur biotope d’origine, un milieu favorable à leur culture. En 1740, le botaniste Antoine Nicolas Duchesne observe que de beaux fruits sont obtenus lorsqu'un fraisier du Chili est cultivé près d'un fraisier de Virginie (Fragaria virginiana). Ce croisement spontané, qui se produit notamment en Bretagne, en Angleterre et aux Pays-Bas, est à l'origine d'un nouvel hybride qui associe la saveur de Fragaria virginiana et la grosseur du fruit de Fragaria chiloensis et qui possède un parfum d'ananas à l'origine de son nom botanique : Fragaria × ananassa Duch, espèce octoploïde au génome de 2n = 8x = 56. C'est de cet hybride que provient l’essentiel des variétés de fraises à gros « fruits » que l’on cultive désormais.

En 1740, la ville de Plougastel (limitrophe de Brest), déjà productrice de fraisier des bois, devient le premier lieu de production de cette nouvelle espèce dite « fraise de Plougastel. » La culture de la fraise devient la spécialité de la commune, qui produira près du quart de la production française de fraises au début du XXe siècle. Plougastel héberge depuis 1997, le « Musée de la Fraise et du Patrimoine. »

Une autre variété légèrement plus petite sera développée dans le Sud de la France à partir de croisement avec des fraisiers nains méditerranéens, moins exigeants en eau, la « gariguette », variété de fraise la plus vendue en France et issue de travaux de l'Inra. Cette dernière, dont le fruit est de forme plus allongée (et davantage coloré à maturité), a cependant le défaut d’une moins bonne conservation. Mais sa saveur, plus proche de la fraise des bois, et connue des Provençaux, est souvent considérée comme plus "authentique" que celle de la fraise commune. Hors du sud de la France, cette variété de fraise pose problème, car du fait du transport elle arrive aux étalages soit très chère, soit abimée, soit enfin elle est récoltée avant sa pleine maturité pour en faciliter le transport, ce qui ne laisse pas le temps au fruit de développer sur pied ses saveurs spécifiques.

Vers 1940, la Californie devient premier producteur mondial de fraises.

En Belgique, la région de Wépion connaît un essor semblable dès la moitié du XXe siècle. L’activité se développera surtout dans l’entre-deux-guerres et atteindra son apogée dans les années 1950-1960. Leur réputation est telle que les fraises de Wépion sont commercialisées aux Halles de Paris et ensuite sur le marché de Rungis qui leur succédera. Au début des années 1970, l’activité décline et ce n'est qu’à la fin des années 1990 qu’elle gagne en regain.

Le secteur se professionnalise et la Criée de Wépion devient la plateforme de commercialisation d’un fruit cueilli à maturité, vendu via des circuits courts. Wépion héberge également un musée de la Fraise de Wépion